แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างของโจทก์ออกเดินทางจากบ้านพักจะไปโรงกุลีเพื่อเอาป้ายสำหรับเดินตรวจทางซึ่งอยู่ในหน้าที่ แต่ยังเดินทางไปไม่ถึงโรงกุลีก็ถูกรถไฟชนถึงแก่ความตายเป็นกรณีที่ผู้ตายยังมิได้เริ่มเดินตรวจทางตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากโจทก์ เพียงแต่กำลังเดินทางจะไปโรงกุลีซึ่งเท่ากับเป็นสถานที่ที่ผู้ตายจะเริ่มต้นทำงานเมื่อผู้ตายได้รับอันตรายในขณะที่ยังเดินทางไปไม่ถึงสถานที่ที่จะเริ่มต้นทำงานและยังมิได้ลงมือทำงานให้แก่โจทก์จะถือว่าประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง หรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม2515 ข้อ 2(6) และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 1 เป็นอธิบดีกรมแรงงานมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 จำเลยที่ 2เป็นนิติบุคคลโดยมีจำเลยที่ 1 กระทำการแทน เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2517เวลาประมาณ 04.18 นาฬิกา นายประเสริฐตำแหน่งคนงานบำรุงทางชั่วคราวซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้เดินทางจากบ้านพักข้างสถานีรถไฟหนองปลาดุกจะไปเอาป้ายเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการเดินตรวจทางที่หมู่ประจำที่ 11 ขณะเดินทางไปถึง กม.63 + 310.00 ได้ถูกรถไฟขบวนที่ 758 ชนศีรษะแขนและขาขาดตายคาที่โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยที่นายประเสริฐลูกจ้างโจทก์ยังเดินทางไปไม่ถึงที่ทำงานและยังมิได้ปฏิบัติงานให้แก่โจทก์ ต่อมานางไฮ้ภริยาผู้ตายและบุตรผู้ตายได้ยื่นคำเรียกร้องเงินทดแทน พนักงานเงินทดแทน สำนักงานแรงงานจังหวัดราชบุรีสอบสวนแล้วมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายเงินทดแทนให้แก่นางไฮ้และบุตร สำหรับกรณีที่ลูกจ้างได้ประสบอันตรายจนถึงแก่ความตายเป็นรายเดือน เดือนละ300 บาทเศษ มีกำหนด 5 ปี และให้จ่ายเงินค่าทำศพด้วย โจทก์เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบ จึงได้อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 1 ต่อมาโจทก์ได้รับคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 73/2519 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2519 จากจำเลยที่ 1 ซึ่งมีคำสั่งยืนให้โจทก์ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเงินทดแทนสำนักงานแรงงานจังหวัดราชบุรี โจทก์ไม่เห็นชอบด้วยเพราะนายประเสริฐถึงแก่ความตายโดยยังไปไม่ถึงที่ทำงานและยังมิได้ปฏิบัติงานให้แก่นายจ้าง จึงมิใช่ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาผลประโยชน์ให้แก่นายจ้าง ตามนัยแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2515 ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ขอให้สั่งเพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 73/2519 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2519 ของจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีหลายประการ และว่าคำสั่งของพนักงานเงินทดแทน สำนักงานแรงงานจังหวัดราชบุรี และคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 73/2519 ดังกล่าวข้างต้นชอบแล้ว เพราะนายประเสริฐประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายประเสริฐออกจากบ้านพักเดินทางมุ่งตรงเพื่อไปทำงานให้แก่นายจ้าง เมื่อประสบอันตรายระหว่างทาง จึงเข้าข่ายเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง คำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนชอบแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุผู้ตายซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้ออกเดินทางจากบ้านพักจะไปโรงกุลีหรือหน้างาน เพื่อจะไปเอาป้ายสำหรับเดินตรวจทางซึ่งอยู่ในหน้าที่ แต่ผู้ตายเดินทางไปยังไม่ทันถึงโรงกุลีก็ถูกรถไฟชนศีรษะ แขน และขาขาดตายคาที่ แล้ววินิจฉัยว่า ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ข้อ 2(6) และประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515เป็นที่เห็นได้ว่า นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินทดแทนให้แต่เฉพาะกรณีที่ลูกจ้างได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือถึงแก่ความตาย เนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือการป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ผู้ตายออกเดินทางจากบ้านพักจะไปโรงกุลีเพื่อเอาป้ายสำหรับเดินตรวจทาง แสดงอยู่ในตัวว่าผู้ตายยังมิได้เริ่มเดินตรวจทางตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายจ้างคือโจทก์ เพียงแต่กำลังเดินทางจะไปโรงกุลีซึ่งเท่ากับเป็นสถานที่ที่ผู้ตายจะเริ่มทำงาน เพื่อเอาป้ายอันเป็นอุปกรณ์ในการตรวจทางแล้วจึงจะเดินตรวจทางตามหน้าที่ เมื่อปรากฏว่าผู้ตายได้รับอันตรายในขณะที่ยังเดินทางไปไม่ถึงสถานที่ที่จะเริ่มต้นทำงาน และยังมิได้ลงมือทำงานให้แก่นายจ้าง จะถือว่าประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง หรือการป้องกันรักษาผลประโยชน์ให้แก่นายจ้างหาได้ไม่เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2379/2520 ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานแบะแซไทยเฮงฮวด โจทก์ นายลาวัลย์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กับพวก จำเลยโจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินทดแทน
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนที่ 73/2519