คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6966/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์รับชำระหนี้จากจำเลยและ จ. แล้วยอมไถ่ถอนที่ดินจำนองกับปลดภาระแก่ จ. ผู้ค้ำประกันเช่นนี้แม้คำให้การของจำเลยจะไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แต่เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ ดังนี้เมื่อหนี้ตามคำฟ้องได้ระงับไปแล้ว โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวน713,059.49 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากต้นเงิน 472,656.35 บาท อัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์สาขาหลังสวน หนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยได้มีการเจรจาตกลงกันโดยโจทก์ลดยอดหนี้ให้จำเลยเหลือเพียง2,700,000 บาท ซึ่งจำเลยและนายจุ้งเทียก วงศ์จารุพรรณได้ร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์แล้วเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2526
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน465,103.41 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวนดังกล่าวอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี นับจากวันที่ 27 มิถุนายน 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าหนี้ตามฟ้องระงับไปแล้วหรือไม่ ในปัญหาหนี้ตามฟ้องระงับไปแล้วหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของนายสถาพร สุขเจริญผู้ช่วยผู้จัดการโจทก์ด้านสินเชื่อนายวรพันธ์ ชีรานนท์ อดีตผู้จัดการโจทก์สาขาหลังสวน และนางจารุณี มณีปุระหัวหน้าส่วนประนอมหนี้ ฝ่ายประนอมหนี้ต่างจังหวัดโจทก์สำนักงานใหญ่ว่า เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2532 จำเลยกับนางจุ้งเทียกได้ไถ่ถอนทรัพย์จำนองและขอปลดภาระการเป็นผู้ค้ำประกัน โดยชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วนจำนวน 2,700,000 บาทจำเลยยังค้างชำระต้นเงินอยู่ประมาณ 470,000 บาทเศษ หลังจากนั้นจำเลยไม่ชำระให้ จึงเป็นหนี้โจทก์อยู่ตามใบคำนวณหนี้ตามเอกสารหมาย จ.8 และบันทึกของหัวหน้าส่วนประนอมหนี้เอกสารหมาย ป.จ.4 เห็นว่าเอกสารใบคำนวณหนี้หมาย จ.8 เป็นเรื่องนำหนี้ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยค้างชำระในวันที่ 26 มิถุนายน 2532มาคิดดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้องเพื่อนำมาฟ้องจำเลยไม่ใช่รายการแสดงความเป็นมาของหนี้ที่จำเลยกู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งเป็นหนี้โจทก์อยู่ และบันทึกของหัวหน้าส่วนประนอมหนี้เอกสารหมาย ป.จ.4ก็เป็นเพียงความเห็นของนางจารุณี พยานโจทก์ผู้เป็นหัวหน้าส่วนเท่านั้นว่าโจทก์รับประนอมหนี้โดยไถ่ถอนทรัพย์พร้อมปลดภาระแก่ผู้ค้ำประกันจำนวน 2,700,000 บาท หนี้ที่เหลือยังไม่เลิกกัน ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่าที่พยานมีความเห็นดังกล่าวอาศัยเอกสารหลักฐานอะไร การให้ความเห็นตามที่พนักงานรายงานให้พยานทราบนั้นจะถือว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ตามความเห็นของพยานหาได้ไม่ เมื่อการ์ดบัญชีเอกสารหมาย ป.จ.1 ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเบิกเงินเกินบัญชีมีรายการหักทอนบัญชีไม่ถึงวันที่26 มิถุนายน 2532 ซึ่งตามเอกสารนี้มีใบแจ้งหนี้ระบุว่าในวันที่ 5 เมษายน 2532 ยอดหนี้เป็นศูนย์ไม่มียอดหนี้ที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์อยู่เลยและนายวรพันธ์ก็ได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า หลังจากจำเลยได้ชำระเงินแล้วไม่มีการเดินสะพัดทางบัญชีอีกแต่อย่างใด ฉะนั้น การที่โจทก์รับชำระหนี้จากจำเลยและนายจุ้งเทียกจำนวน 2,700,000 บาท แล้วยอมไถ่ถอนที่ดินจำนองกับปลดภาระแก่นายจุ้งเทียกผู้ค้ำประกันเช่นนี้ แม้คำให้การของจำเลยจะไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อว่าหนี้ตามฟ้องได้ระงับไปแล้ว โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระไม่ได้
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share