คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องขอเลื่อนการสืบพยานผู้ร้องตั้งแต่วันนัดสืบพยานผู้ร้องนัดแรกติดต่อกันมาสี่ครั้งในวันนัดครั้งที่5ผู้ร้องทั้งสามไม่มาศาลและทนายผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความพฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการจงใจประวิงคดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานผู้ร้องจึงชอบแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่าการที่ทนายผู้ร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้ผู้ร้องทั้งสามเป็นการจงใจที่จะประวิงคดีและเห็นไม่สมควรอนุญาตให้ทนายผู้ร้องถอนตัวจึงไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องสอบถามผู้ร้องทั้งสามก่อนดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานผู้ร้องทั้งสามและพิพากษาคดีไปจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดี สืบเนื่อง มาจาก ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย และ บริวารออก ไป จาก ที่ดิน ของรัฐ และ ออกหมาย บังคับคดี ให้ จำเลย และ บริวารออก ไป จาก ที่ดิน ดังกล่าว ผู้ร้อง ทั้ง สาม ยื่น คำร้อง ว่า ที่ดิน ดังกล่าวเป็น ที่ดิน ตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 15 หมู่ ที่ 12ตำบล เทนมีย์ อำเภอ เมือง สุรินทร์ จังหวัด สุรินทร์ ซึ่ง นาย เจียม ยกให้ แก่ ผู้ร้อง ทั้ง สาม ผู้ร้อง ทั้ง สาม เข้า ทำประโยชน์ เกินกว่า1 ปี แล้ว จึง มีสิทธิ ครอบครอง โดยชอบ ด้วย กฎหมาย มิได้ เป็น บริวารหรือ เกี่ยวข้อง กับ จำเลย จำเลย มิได้ มีสิทธิ อย่างใด อย่างหนึ่งเหนือ ที่ดิน ของ ผู้ร้อง ทั้ง สาม คำพิพากษา จึง ไม่ผูกพัน ผู้ร้อง ทั้ง สามขอให้ มี คำสั่ง เพิกถอน หมาย บังคับคดี
โจทก์ ยื่น คำคัดค้าน ว่า ผู้ร้อง ทั้ง สาม มิได้ มีสิทธิ บน ที่ดินตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 15 หมู่ ที่ 12 ตำบล เทนมีย์ อำเภอ เมือง สุรินทร์ จังหวัด สุรินทร์ เพราะ ที่ดิน แปลง ดังกล่าวเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน และ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของ ที่ดิน ดังกล่าว ออก โดย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้ง ผู้ร้อง ทั้ง สามต่าง เป็น บริวาร ของ จำเลย ขอให้ ยกคำร้อง และ บังคับ ให้ ผู้ร้อง ทั้ง สามกับ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ งดสืบพยาน ผู้ร้อง และ วินิจฉัย ว่า ผู้ร้องทั้ง สาม ซึ่ง มี หน้าที่ นำสืบ ก่อน ไม่นำ พยาน เข้าสืบ ตาม วัน เวลาที่ กำหนด เป็น ระยะเวลา ติดต่อ กัน หลาย นัด ถือว่า ผู้ร้อง ทั้ง สามไม่มี พยาน มา สืบ พิพากษายก คำร้อง
ผู้ร้อง ทั้ง สาม ยื่น คำร้องขอ ให้ มี การ พิจารณา คดี ใหม่
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ยกคำร้อง
ผู้ร้อง ทั้ง สาม อุทธรณ์ คำพิพากษา และ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้อง ทั้ง สาม ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี มี ปัญหา วินิจฉัย ตาม ฎีกา ข้อ แรก ของผู้ร้อง ทั้ง สาม ว่า การ ที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ งดสืบพยาน ผู้ร้องทั้ง สาม ชอบ หรือไม่ ข้อเท็จจริง ปรากฏว่า คดี นี้ ศาลชั้นต้นนัด สืบพยาน ผู้ร้อง ทั้ง สาม รวม 5 นัด แต่ ผู้ร้อง และ ทนาย ผู้ร้องขอเลื่อน คดี ทุก นัด โดย อ้าง เหตุ ต่าง ๆ และ ใน วันนัด ครั้งที่ 5คือ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2537 ตัว ผู้ร้อง ทั้ง สาม ไม่มา ศาล และทนาย ผู้ร้อง ยื่น คำร้องขอ ถอนตัว จาก การ เป็น ทนายความ ศาลชั้นต้นจึง มี คำสั่ง ให้ งดสืบพยาน ผู้ร้อง ทั้ง สาม และ พิพากษาคดี ไป ดังนี้เห็นว่า ระยะเวลา ดังกล่าว ตั้งแต่ วันนัด สืบพยาน ผู้ร้อง ทั้ง สามครั้งแรก จน ถึง วันที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ งดสืบพยาน ผู้ร้องทั้ง สาม เป็น เวลา ประมาณ 7 เดือน ไม่ปรากฏ ว่า ผู้ร้อง ทั้ง สามมา ศาล เลย ผู้ร้อง ทั้ง สาม อ้างว่า มีสิทธิ ใน ที่ดินพิพาท โดย มิได้เป็น บริวาร จำเลย ผู้ร้อง ทั้ง สาม จึง ต้อง มี หน้าที่ นำพยาน เข้าสืบเพื่อ แสดง สิทธิ ของ ตน ต่อ ศาล แต่ การ ที่ ผู้ร้อง ทั้ง สาม และ ทนาย ผู้ร้องอ้าง เหตุ ต่าง ๆ เพื่อ ขอเลื่อน คดี เป็น ระยะเวลา ติดต่อ กัน หลาย นัดพฤติการณ์ ดังกล่าว ถือได้ว่า เป็น การ จงใจ ประวิงคดี ที่ ศาลชั้นต้นมี คำสั่ง ให้ งดสืบพยาน ผู้ร้อง ทั้ง สาม จึง ชอบแล้ว
ที่ ผู้ร้อง ทั้ง สาม ฎีกา ว่า การ ที่ ทนาย ของ ผู้ร้อง ทั้ง สามขอ ถอนตัว จาก การ เป็น ทนาย แต่ ศาลชั้นต้น มิได้ ปฏิบัติ ตาม กฎหมายใน เรื่อง นี้ กลับ ไป สั่ง ว่า ผู้ร้อง ไม่มี พยาน มา สืบ เป็น การ ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 นั้น ปรากฏว่าปัญหา ข้อ นี้ ผู้ร้อง ทั้ง สาม ได้ ยกขึ้น อุทธรณ์ ไว้ แล้ว แต่ ศาลอุทธรณ์ไม่ได้ วินิจฉัย ให้ ศาลฎีกา เห็นสมควร วินิจฉัย ให้ โดย ไม่จำต้องย้อนสำนวน ไป ให้ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ก่อน เห็นว่า แม้ จะ ปรากฏว่าทนาย ผู้ร้อง ขอ ถอนตัว จาก การ เป็น ทนาย ให้ ผู้ร้อง ทั้ง สาม แต่เมื่อศาลชั้นต้น เห็นว่า การ ที่ ทนาย ผู้ร้อง ขอ ถอนตัว เป็น การ จงใจ ที่ จะประวิงคดี และ เห็น ไม่สมควร อนุญาต ให้ ทนาย ผู้ร้อง ขอ ถอนตัว กรณีจึง ไม่จำเป็น ที่ ศาล จะ ต้อง สอบถาม ตัวความ ก่อน ดัง ที่ ผู้ร้อง ทั้ง สามกล่าวอ้าง ฎีกา ของ ผู้ร้อง ทั้ง สาม ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share