คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การจำเลยที่ถือได้ว่าเป็นการแสดงข้อต่อสู้ถือสิทธิครอบครองและสิทธิฟ้องร้องแล้ว
จำเลยครอบครองที่ดินอยู่ได้คัดค้านการที่โจทก์นำรังวัดที่พิพาทเพื่อออกโฉนดถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว หากโจทก์มิได้ฟ้องร้องเอาคืนการครอบครองใน 1 ปี ย่อมหมดสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1375
แม้จำเลยจะได้เคยเช่าที่พิพาทต่อโจทก์ แต่การที่จำเลยร้องคัดค้านดังกล่าวถือว่าจำเลยได้แสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครองตามมาตรา 1381

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยแต่ละคนเป็น ๕ สำนวน ศาลพิจารณารวมกัน คำฟ้องมีว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ๑ แปลงเนื้อที่ ๘๕ ไร่เศษไม่มีหนังสือสำคัญ ได้ปกครองทำกินมา ๔๐-๕๐ ปี แล้ว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒,๒๔๘๓ นายฮ้อ นางแดง นายสำอางค์จำเลยได้เช่าที่ดินพิพาทมาจากโจทก์ทำนา นายกวย นายเล็ก จำเลยได้บุกรุกเข้า ทำนาใน พ.ศ. ๒๔๘๓ ต่อมาจำเลยไม่ยอมทำสัญญาเช่า โดยประสงค์จะแย่งกรรมสิทธิ ใน พ.ศ. ๒๔๘๓, ๒๔๘๔ จำเลยทั้ง ๕ คัดค้านการที่โจทก์นำรังวัดเพื่อออกโฉนดจำเลยต่อสู้ว่าได้ช่วยกันก่อสร้างหักร้างเป็นเจ้าของมา ๒๐ ปีแล้ว และได้คัดค้านเมื่อโจทก์นำรังวัดและจำเลยได้ครอบครองทำนาต่อมาบัดนี้
ศาลจังหวัดสมุทรปราการเห็นว่าจำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของร่วม ๘ ปีแล้ว โจทก์ไมมีสิทธิฟ้องตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๗๔ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อโจทก์รังวัดปี ๒๔๘๓ จำเลยทั้ง ๕ ได้ร้องคัดค้านไว้เป็นการแสดงสิทธิเป็นเจ้าของ โต้แย้งสิทธิโจทก์บัดนั้น โจทก์มิได้ฟ้องเอาคืน ซึ่งการครอบครองใน ๑ ปีตามมาตรา ๑๓๗๕ จึงหมดสิทธิฟ้องจำเลย พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การจำเลยเป็นการต่อสู้ถึงสิทธิครอบครองและสิทธิฟ้องร้องแล้ว การที่จำเลยคัดค้านเมื่อโจทก์รังวัดเมือ พ.ศ. ๒๔๘๓ ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ตาม ป.ม. แพ่งฯ มาตรา ๑๓๗๕ โจทก์มิได้จัดการอย่างใด จนปี ๒๔๙๐ จึงมาฟ้อง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา ๑๓๗๕ ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีสัญญาเช่าต่อโจทก์ แม้จะได้คัดค้านเมื่อโจทก์รังวัด ก็จะยกขึ้นมาเถียงสิทธิโจทก์มิได้นั้น เห็นว่าการที่จเลยไปร้องคัดค้านโตเถียงสิทธิโจทก์ดังกล่าวเป็นการแสดงว่า จำเลยได้แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๓๘๑
พิพากษายืน

Share