แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยร่วมมอบหมายงานให้จำเลยที่ 1 เป็นรายวันโดยจำเลยที่ 1 มารับกุญแจรถยนต์และรับคำสั่งจากจำเลยที่ 2 เมื่อทำงานเสร็จแล้วนำกุญแจมาคืนแสดงว่าการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 แต่ละวันจะสิ้นสุดเมื่อนำรถยนต์มาเก็บที่ห้างจำเลยร่วม และมอบกุญแจให้จำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ไปบรรทุกแกลบ การที่จำเลยที่ 1 ขับรถออกไปในวันเกิดเหตุเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วม การที่จำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่ 1โดยลำพังขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยร่วมไปปฏิบัติงานแต่ละวันแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมไว้วางใจการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ออกนอกเส้นทางไปดูการเกณฑ์ทหารแล้วรับชาวบ้านและโจทก์ขึ้นรถคันเกิดเหตุโดยไม่ได้ขออนุญาตจำเลยที่ 2 โดยขับไปตามถนนเลียบแม่น้ำซึ่งสามารถไปห้างจำเลยร่วมได้การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่ายังอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมรถยนต์ของจำเลยที่ 2และใช้ในกิจการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1ขณะที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติงานตามที่จำเลยที่ 2 มอบหมาย จำเลยที่ 1ได้ขอให้โจทก์กับพวกโดยสารรถยนต์มาด้วย เพื่อกลับสำนักที่ทำงานของจำเลยที่ 2 และนำรถยนต์ไปเก็บ จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่ชะลอความเร็วเมื่อถึงทางโค้งอันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง รถยนต์พุ่งออกนอกโค้งพลิกคว่ำกลางถนน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีวัตถุประสงค์ในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกหรือรับส่งโดยสารวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปบรรทุกแกลบจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสหส่องแสง ตำบลวังตะกู อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ไปส่งที่ฟาร์มสวนสยาม ซึ่งตั้งอยู่เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร แต่จำเลยที่ 1 ละทิ้งงานที่ได้รับมอบหมายนำรถไปเที่ยวหรือใช้ในกิจการของจำเลยที่ 1 เอง หรือไปใช้กิจการมอบหมายของโจทก์กับพวกโดยมิได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ 2 หากโจทก์เสียหายไม่เกิน 20,000บาท ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดนิคมเจริญกิจเป็นจำเลยร่วมตามคำขอของโจทก์
จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยร่วมเป็นนิติบุคคลมีจำเลยที่ 2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปบรรทุกแกลบจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสหส่องแสงซึ่งอยู่ตำบลวังตะกู อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ไปส่งให้แก่ลูกค้าที่ฟาร์มไก่สวนสยาม ซึ่งอยู่ที่เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ละทิ้งงานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว และได้ลอบนำรถยนต์คันเกิดเหตุไปเที่ยวหรือใช้ในกิจการของจำเลยที่ 1 เอง หรือไปในกิจการมอบหมายของโจทก์กับพวกโดยมิได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ 2 จำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ หากโจทก์เสียหายก็ไม่เกิน 20,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์จำนวน 90,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยที่ 2 เบิกความว่า มอบหมายงานให้จำเลยที่ 1 เป็นรายวันโดยจำเลยที่ 1 มารับกุญแจรถยนต์และรับคำสั่งจากจำเลยที่ 2 เมื่อทำงานเสร็จแล้วจำเลยที่ 1 นำกุญแจมาคืนจำเลยที่ 2 แสดงว่าการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 แต่ละวันจะสิ้นสุดเมื่อได้นำรถยนต์มาเก็บที่ห้างจำเลยร่วมและมอบกุญแจให้จำเลยที่ 2 ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ด้วยว่าวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ไปบรรทุกแกลบที่โรงสีสหส่องแสง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลวังตะกู อำเภอเมืองนครปฐม ไปส่งที่ฟาร์มสวนสยาม เขตหนองแขมกรุงเทพมหานคร ถนนเลียบแม่น้ำนครชัยศรีทะลุไปถนนสายพุทธมณฑลและสามารถกลับห้างจำเลยร่วมได้ จากคำเบิกความดังกล่าวเห็นได้ว่า ที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ออกไปในวันเกิดเหตุ เป็นการกระทำในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วม การที่จำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่ 1 โดยลำพังขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยร่วมไปปฏิบัติงานแต่ละวัน แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมไว้วางใจการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 เพราะได้ความด้วยว่า จำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างจำเลยร่วมมา 2 ปีเศษ เชื่อฟังคำสั่งของจำเลยที่ 2มาตลอด ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ออกนอกเส้นทางไปดูการเกณฑ์ทหาร ณ ที่ว่าการอำเภอนครชัยศรีแล้วรับชาวบ้านและโจทก์ที่จำเลยที่ 1 รู้จักขึ้นรถยนต์คันเกิดเหตุโดยไม่ได้ขออนุญาตจำเลยที่ 2 โดยขับไปตามถนนเลียบแม่น้ำนครชัยศรีซึ่งสามารถไปห้างจำเลยร่วมได้ แล้วไปเกิดเหตุเวลา 16 นาฬิกา การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวถือได้ว่า ยังอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วม จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา425…”
พิพากษายืน