แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ม. กรรมการผู้จัดการของนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดได้ทำรายงานการประชุมโดยไม่มีการประชุมว่า เจ้าของหุ้นโอนหุ้นให้แก่ ม. และได้โอนหุ้น เป็นชื่อ ม. แล้ว และได้ส่งรายงานการประชุมไปเก็บไว้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดทราบถึงเรื่องราวในรายงานการประชุมดังกล่าว ดังนี้การที่ ม. ได้ครอบครองหุ้นดังกล่าวไว้จึงเป็นการกระทำโดยปิดบังซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย ไม่ครบเกณฑ์ที่จะทำให้ ม. ได้กรรมสิทธิ์ในหุ้นโดยการครอบครองปรปักษ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 คำแก้ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทสุโขทัยลานหอย จำกัดต่อมานายหมอก ศีลธรรม กรรมการผู้จัดการของบริษัทได้จัดการโอนหุ้นของโจทก์เป็นชื่อของนายหมอก โดย มิได้รับความยินยอมจากโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ทราบการกระทำของนายหมอกเมื่อจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายหมอก ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นโจทก์ขอให้จำเลยโอนหุ้นคืนให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยโอนหุ้นระบุชื่อของบริษัทสุโขทัยลานหอย จำกัด เลขที่ 19-25,28-30, 32-35, 61-66, 68-69, 72, 77-81, 85, 94, 98, 99คืนให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่จัดการโอนหุ้นคืนให้แก่โจทก์ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์โอนหุ้นของตนให้นายหมอก แล้วนายหมอก ได้ครอบครองหุ้นดังกล่าวด้วยความสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 5 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิในหุ้นดังกล่าวแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนหุ้นชนิดระบุชื่อเลขที่ 19 ถึง25, 85, 99, 94, 98, 72, 32 ถึง 35, 68 ถึง 69, 61, 66, 77ถึง 81 และ 28 ถึง 30 ของบริษัทสุโขทัยลานหอย จำกัด คืนให้แก่นายฉลวย เกตุเผือก นางฟุ้ง กลิ่นแก้ว นายลอม เพิ้งจันทร์ นายลอมนุชรอด นายบัง คงรักษา นายดำรงค์ แสนสุข นาย ชู เนติวงษ์ นายชิตบุญเม่น นายจินดา โพธิ์นาค นายบุญ น่านอูบ นายบก ปรีปาน และนายอำนวยโทนทอง ตามลำดับ หากจำเลยไม่จัดการโอนหุ้นคืนให้แก่โจทก์ ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ส่วนที่ขอให้โอนหุ้นชนิดระบุชื่อตามใบหุ้นเลขที่ 19-25, 28-30, 66, 68-69, 77-81,85, 94, 98, 99 ของบริษัทสุโขทัยลานหอย จำกัด คืนให้แก่นายฉลวยเกตุเผือก นายอำนวย โทนทอง นายบุญ น่านอุบ นายชิด บุญเม่นนายบก ปรีปาน นายฟุ้ง กลิ่นแก้ว นายลอม นุชรอด นายบัว คงรักษาและนายลอม เพิ้งจันทร์ ตามลำดับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกันยืนยันหนักแน่น ทั้งมีคนกลางคือนายสุนทร เสือด้วง เบิกความสนับสนุนด้วยน่าเชื่อถือ ส่วนพยานจำเลยตัวจำเลยมิได้รู้เห็นหรือยืนยันสิ่งใดเลย สำหรับนายสุทิน ที่เบิกความว่า มีการเชิญประชุมหลายครั้งพยานไปบ้างไม่ไปบ้าง เป็นการเบิกความไม่หนักแน่นมั่นคง และที่ว่านายหมอก เอารายการประชุมมาให้ลงชื่อที่บ้าน ก็เป็นการเจือสมพยานโจทก์ที่ว่าไม่มีการประชุม และคำเบิกความของนายสมปอง นั้นนอกจากไม่หนักแน่นมั่นคงและไม่มีน้ำหนักเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องของบริษัทแล้ว ยังเจือสมพยานโจทก์ในข้อที่ว่ารายงานการประชุมเกี่ยวกับการโอนหุ้นไม่ถูกต้อง ส่วนเอกสารรายงานการประชุมที่ส่งมาจากสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสุโขทัย และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนั้นเป็นเรื่องของนายหมอก ประธานกรรมการของบริษัทส่งไปเอง ทั้งไม่ปรากฏความสอดคล้องกับสมุดบันทึกรายงานการประชุม เอกสารหมาย จ.5 แต่อย่างใดจำเลยเองก็เบิกความว่า รายงานการประชุมจะถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ไม่ทราบพยานหลักฐานจำเลยจึงมีน้ำหนักน้อยกว่าพยานหลักฐานโจทก์ คดีฟังได้ว่า เจ้าของหุ้นรายพิพาทต่าง ๆ นี้มิได้ตกลงโอนให้แก่นายหมอก แต่นายหมอก ทำรายงานการประชุมขึ้นมาโดยมิได้มีการประชุมว่า เจ้าของหุ้นได้โอนหุ้นให้แก่ตน และโอนหุ้นเป็นชื่อของตนอันเป็นการกระทำโดยปิดบังซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย ไม่ครบเกณฑ์ที่จะทำให้นายหมอก ได้กรรมสิทธิ์ในหุ้นรายพิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ที่จำเลยแก้ฎีกามาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้องโจทก์นั้น เป็นการขอนอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาเช่นนี้หาได้ไม่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.