คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและขอให้ริบไม้และเกวียนโคของกลางด้วยคดีได้ความตามฟ้องและคำรับสารภาพว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ขณะที่จำเลยเอาไม้บรรทุกใส่เกวียนเทียมโคเห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้โคและเกวียนของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดคือ การมีไม้รายนี้ไว้โดยมิได้รับอนุญาต โคและเกวียนจึงเป็นสิ่งพึงต้องริบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้เหียงซึ่งจำเลยมีไว้ในขณะที่จำเลยบรรทุกใส่เกวียนเทียมโคอันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเป็นของกลาง และขอให้ริบไม้กับเกวียนโคของกลางด้วยเมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะให้คืนเกวียนและโคโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการมีไม้ ก็เป็นเพียงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไม่ผูกมัดศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ในการมีไม้ไว้ในครอบครองแล้วให้ริบเสียด้วยได้จำเลยจะอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีไม้เพียงอันเป็นไม้หวงห้ามประเภทก. แปรรูป 0.39 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้เหียงซึ่งจำเลยมีไว้ในขณะที่จำเลยบรรทุกใส่เกวียนเทียมโค 2 ตัวอันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯ และริบไม้ เกวียน โค ของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง คู่ความไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2503 มาตรา 17, 18ให้ปรับ 300 บาท ลดกึ่งแล้วคงปรับ 150 บาท ริบไม้ของกลาง แต่ให้คืนเกวียนและโค เพราะโจทก์ฟ้องในข้อหามีไม้เกวียนและโค จึงไม่เกี่ยวกับการมีไม้อย่างใด

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบเกวียนและโคของกลางด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบโคและเกวียนของกลางนอกนั้นยืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยจะมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปประเภทหวงห้ามไว้ในความครอบครองก็ดี แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ขณะที่จำเลยเอาไม้ดังกล่าวบรรทุกใส่เกวียนเทียมโค 2 ตัวเพื่อขนย้ายไปที่อื่น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้โคและเกวียนของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด คือ การมีไม้รายนี้ไว้โดยมิได้รับอนุญาตจึงเป็นสิ่งที่พึงต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 ทวิ

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ที่จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง มีความหมายว่ารับสารภาพเพียงเท่าที่ทำผิดดังที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้แล้วว่าเกวียนและโคไม่เกี่ยวกับการมีไม้ของกลางไว้จึงไม่ริบ โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยเลยไปถึงข้อที่จำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ในการมีไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดแล้ว และยกขึ้นลงโทษจำเลยเป็นการมิชอบนั้นเห็นว่า นอกจากจำเลยจะบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ตนให้การรับไว้แล้ว ยังปรากฏว่าตามฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่าโจทก์หายอมรับข้อเท็จจริงไม่ว่า เกวียนและโคไม่เกี่ยวกับการมีไม้ของกลางไว้ ที่ศาลชั้นต้นให้คืนเกวียนและโคโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการมีไม้นั้น เป็นเพียงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ซึ่งไม่ผูกมัดศาลอุทธรณ์ประการใด

พิพากษายืน

Share