แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้รับมรดก ฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้ไปรับแทน คดีเช่นนี้มีอายุความ 10 ปี นับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้ แต่ละ คราวเป็นตอน ๆ มา
ย่อยาว
ได้ความว่านางชุ่มได้มอบให้จำเลยรับเงินบำนาญพิเศษของพลทหารสบายบุตรนางชุ่มที่ได้ทำการสู้รบและตายในราชการทหาร ภายหลังที่จำเลยได้รับมอบให้รับเงินบำนาญพิเศษ แทนนางชุ่มแล้ว ทางการได้เพิ่มเงินบำนาญพิเศษขึ้นอีกหลายครั้ง แต่จำเลยก็ยังคงนำเงินไปมอบให้แก่นางชุ่มเท่าเดิม จำเลยเบียดบังเอาเงินบำนาญพิเศษของนางชุ่มเป็นเงิน ๑๐๖๙๒.๑๐ บาทเสีย ต่อมานางชุ่มตาย โจทก์ทั้ง ๔ ซึ่งเป็นบุตรของนางชุ่ม เป็นผู้รับทรัพย์มรดกตามกฎหมาย ได้ฟ้องจำเลยในกรณีนี้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง ยักยอกและให้จำเลยให้เงิน ๑๐,๖๙๒.๑๐ บาท แก่โจทก ์
ศาลชั้นต้นสั่งในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องว่าโจทก์หาว่าจำเลยฉ้อโกงและยักยอกโจทก์เป็นผู้สืบสันดานของผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องทางอาญาได้ พิพากษาให้ยกฟ้องทางอาญา ให้ประทับฟ้องคดีทางแพ่ง
โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีส่วนอาญายุติ คดีแพ่งคงดำเนินต่อมา
ทางพิจารณาคงได้ความดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองว่า ให้จำเลยใช้เงิน ๑๐,๖๙๒.๑๐ บาท
ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายซึ่งจำเลยยกขึ้นต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกากล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้รับไปแทน ที่จำเลยอ้างมาในฎีกาว่ามีอายุความ ๕ ปี จำเลยก็หาได้ให้เหตุผลแต่ประการใดไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเจ้ามรดกมีสิทธิเรียกเงินนี้คืนจากจำเลยภายใน ๑๐ ปี นับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้แต่ละคราวเป็นตอน ๆ มา เจ้ามรดกตาย โจทก์ก็รับมรดกสิทธิ์นี้ โจทก์มาฟ้องยังหาเกินกำหนดไม่ คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ