คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของโจทก์กล่าวอ้างแต่เพียงว่า หากโจทก์ได้นำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบ โจทก์มีทางชนะคดีได้เพราะโจทก์ได้เตรียมคดี พยานหลักฐานไว้พร้อมแล้วเท่านั้นข้อความดังกล่าวไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่า คำพิพากษาไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไร ทั้งยังไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว โจทก์อาจชนะคดีอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคท้าย.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้งให้ขับไล่โจทก์กับบริวารและเรียกค่าเสียหาย ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ฝ่ายโจทก์ไม่มาศาล จำเลยแถลงต่อศาลขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลย
นางทา พิมลี ภริยาของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ซึ่งถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นอนุญาต
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย บัญญัติว่า คำขอเช่นว่ามานี้ให้กล่าวโดยละเอียด ชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ฯลฯ โจทก์กล่าวอ้างในคำร้องขอแต่เพียงว่า หากโจทก์ได้นำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบ โจทก์มีทางชนะคดีได้เพราะโจทก์ได้เตรียมคดี พยานหลักฐานไว้พร้อมแล้วนั้นข้อความดังกล่าวไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่า คำพิพากษาไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไร ทั้งยังไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่า หากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว โจทก์อาจชนะคดีอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความดังกล่าว…”
พิพากษายืน.

Share