คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6945/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายจำเลยยื่นคำให้การโดยลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดตามตรายางที่เจ้าหน้าที่ศาลประทับไว้ว่าเป็นวันนัดชี้หรือสืบพยานโจทก์เท่านั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดสืบพยานจำเลยโดยมิได้ระบุวันเวลานัดไว้ และจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งศาลดังกล่าวทั้งศาลชั้นต้นมิได้หมายนัดให้จำเลยทราบ จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทราบวันนัดสืบพยานจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงท้ายหนังสือหย่าให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินที่ทำไว้กับสหกรณ์การเช่าซื้อที่ดินวังน้อย จำกัด กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้แก่นายศิริชัย หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมาฟังคำสั่งการชี้สองสถาน รับทราบคำสั่ง และกำหนดวันนัดของศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าวันนี้เป็นวันนัดสืบพยานจำเลย ซึ่งจำเลยทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว แต่วันนี้จำเลยไม่นำพยานมาพร้อมทั้งไม่แจ้งเหตุขัดข้อง จึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบให้งดสืบพยานจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องว่าตรายางที่เจ้าหน้าที่ศาลประทับไว้ระบุว่า”นัดชี้หรือนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 17 ธันวาคม 2433 เวลา13.30 นาฬิกา” แต่ศาลชั้นต้นสั่งให้สืบพยานจำเลยโดยมิได้กำหนดวันเวลาไว้ในคำสั่ง จะถือว่าจำเลยทราบนัดแล้วโดยมิได้ออกหมายนัดให้จำเลยทราบมิได้ จำเลยจึงไม่อาจทราบคำสั่งศาล ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งงดสืบพยานจำเลยและนัดสืบพยานโจทก์แล้วให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ตามที่เห็นสมควร
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินจำนวน 33 ไร่ ที่ทำไว้กับสหกรณ์การเช่าซื้อที่ดินวังน้อยจำกัด กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้แก่นายศิริชัย สง่าศรี มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดสืบพยานจำเลย แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เริ่มตั้งแต่นัดสืบพยานจำเลยเป็นต้นไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีและพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า เจ้าหน้าที่ศาลได้ประทับตรายางไว้ที่ด้านล่างของคำให้การจำเลยว่า “นัดชี้หรือสืบพยานโจทก์วันที่ 17 ธันวาคม 2533 เวลา 13.30 นาฬิกา” ทนายจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งที่ด้านบนซ้ายของคำให้การจำเลยว่า “รับคำให้การจำเลย สำเนาให้โจทก์ นัดสืบพยานจำเลย หมายนัดโจทก์ ส่งไม่ได้ให้ปิด” คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดสืบพยานจำเลยชอบหรือไม่ เห็นว่าทนายจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดเฉพาะตรายางซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลประทับไว้ซึ่งเป็นวันนัดชี้หรือสืบพยานโจทก์เท่านั้น แต่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดสืบพยานจำเลยโดยมิได้ระบุวันเวลานัดไว้และจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งศาลดังกล่าว อีกทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้หมายนัดให้จำเลยทราบแต่อย่างใด กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้ทราบว่าวันที่ 17 ธันวาคม 2533 เวลา 13.30 นาฬิกาเป็นวันนัดสืบพยานจำเลย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงไม่ชอบ
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share