คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6940/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 49 วรรคหนึ่ง เป็นเพียงบทบัญญัติที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งมีสภาพ จำนวน น้ำหนัก และรายละเอียดอื่น ๆ ตรงตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งให้แก่ผู้รับตราส่ง และเป็นการสันนิษฐานในเบื้องต้นเท่านั้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยในสินค้าพิพาทจึงยังสามารถนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์หักล้างให้เห็นความแตกต่าง ไปจากข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้ เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาแสดงให้เห็นได้ว่าผู้ขนส่งได้มอบสินค้าพิพาทซึ่งมีสภาพเสียหายจากการปนเปื้อนน้ำมะขามเปียกและมีจำนวนไม่ตรงตามที่ระบุไว้ในใบตราส่ง จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ได้ใช้แก่บริษัท อ. ผู้รับตราส่งก่อนหน้านี้ไปแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยสินค้าแป้งมันสำปะหลัง ต่อมาในระหว่างขนส่งสินค้าขาดหายและเสียหายเนื่องจากจำเลยประมาทเลินเล่อ โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องจากจำเลย ขอให้ชำระเงิน 118,223.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 112,887.89 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งในสภาพ จำนวน น้ำหนัก ตรงตามที่ระบุไว้ในใบตราส่ง อีกทั้งจำเลยได้ทำการขนส่งสินค้าด้วยความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่จะใช้ในกิจการรับขนของทางทะเลแล้ว ความเสียหายเกิดจากเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิด โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายไปเกินกว่าความเสียหายที่แท้จริงขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 112,887.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องไม่เกิน 5,336 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า”ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อเรือบรรทุกสินค้าพิพาทเดินทางมาถึงท่าเรือเมืองมะละกา เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2540 ได้มีการทำรายงานการสำรวจโดยต้นหนเรือเพิร์ลได้ลงลายมือชื่อและประทับตราของเรือไว้ ตามรายงานการสำรวจเอกสารหมาย จ.7 ต่อมาได้มีการนำสินค้าพิพาทไปเก็บไว้ที่โกดังของบริษัทแอนติคเซมเปอร์น่า จำกัด ผู้รับตราส่งและผู้รับตราส่งได้ว่าจ้างบริษัทแฮฟเปอร์ไวรา อินชัวรันส์ เซอร์เวเยอร์ส แอนด์ แอดจัสเตอร์ จำกัด สำรวจความเสียหายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2540 โดยผู้สำรวจความเสียหายได้ทำรายงานการสำรวจไว้เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2540 ตามรานงานการสำรวจเอกสารหมาย จ.8 และถ่ายภาพไว้ ตามภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.15 สินค้าที่พิพาทได้รับความเสียหายจากการปนเปื้อนน้ำมะขามเปียกและขาด จำนวน 2 รายการ รวม 8,500 กระสอบ โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้รับตราส่งเป็นเงินทั้งสิ้น 112,887.89 บาท ตามใบรับช่วงสิทธิเอกสารหมาย จ.13 คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะในข้อกฎหมายที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับขึ้นมาสู่ศาลฎีกาว่า ผู้รับตราส่งทราบรายงานผลการสำรวจและแจ้งให้ผู้ขนส่งทราบว่ามีของสูญหายหรือเสียหายเป็นเวลาเกินกว่า 1 วันทำการถัดจากวันรับมอบของ เมื่อไม่มีการสำรวจหรือตรวจสภาพร่วมกันจึงเข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าจำเลยหรือผู้ขนส่งส่งมอบของซึ่งมีสภาพดีให้แก่ผู้รับตราส่งแล้ว โดยเฉพาะเมื่อผู้รับตราส่งได้รับมอบของแล้วก็มิได้โต้แย้งว่าสินค้านั้นเสียหายหรือสูญหายเท่าใด นอกจากนี้จะถือรายงานการสำรวจของต้นหนเรือเพิร์ล พร้อมประทับตราทราบไว้เป็นการแสดงว่าจำเลยยอมรับว่าสินค้าสูญหายขาดจำนวนไปไม่ได้ เพราะเอกสารหมาย จ.7 และ จ.8 มิได้ถือว่ามีการสำรวจร่วมกันระหว่างผู้ขนส่งและผู้รับตราส่ง ดังนั้น จึงต้องถือว่า ผู้รับตราส่งได้รับมอบสินค้าซึ่งมีสภาพดี มีจำนวน น้ำหนัก และรายละเอียดอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 49 การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าจำเลยยอมรับว่าสินค้าสูญหายขาดจำนวนไปนั้นเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบกฎหมายนั้น เห็นว่า แม้จะฟังว่า บริษัทแอนติคเซมเปอร์น่า จำกัด ผู้รับตราส่ง ได้รับมอบสินค้าพิพาทไปเก็บรักษาไว้ที่โกดังของตนแล้ว ต่อมาจึงได้มอบหมายให้บริษัทแฮฟเปอร์ ไวรา อินชัวรันส์ เซอร์เวเยอร์ส แอนด์ แอดจัสเตอร์ส จำกัดเป็นผู้สำรวจสภาพของสินค้าที่พิพาทโดยไม่ปรากฏว่าได้มีการส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือให้จำเลยผู้ขนส่งทราบถึงความเสียหายภายในเวลาหนึ่งวันทำการดังเช่นที่จำเลยอุทธรณ์ก็ตาม แต่ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 คงบัญญัติให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งมีสภาพ จำนวน น้ำหนัก และรายละเอียดอื่น ๆ ตรงตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งให้แก่ผู้รับตราส่ง ซึ่งเป็นเพียงการสันนิษฐานในเบื้องต้นเท่านั้น โจทก์จึงยังสามารถนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์หักล้างให้เห็นแตกต่างไปจากข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้หากโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานหรือพยานหลักฐานที่โจทก์นำมาสืบไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้ จะต้องถือว่าสินค้าพิพาทที่จำเลยผู้ขนส่งมอบให้แก่บริษัทแอนติคเซมเปอร์น่า จำกัด ผู้รับตราส่ง มีสภาพตรงตามที่ระบุไว้ในใบตราส่ง แต่เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าผู้ขนส่งได้มอบสินค้าพิพาทซึ่งมีสภาพเสียหายจากการปนเปื้อนน้ำมะขามเปียกและมีจำนวนไม่ตรงตามที่ระบุไว้ในใบตราส่ง ตามรายงานการสำรวจซึ่งลงชื่อและประทับตราโดยต้นหนเรือเพิร์ล เอกสารหมาย จ.7 รายงานการสำรวจของผู้สำรวจความเสียหายเอกสารหมาย จ.8 และภาพถ่ายสินค้าพิพาท เอกสารหมาย จ.15 ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้วนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share