แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เงินฝากตามบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่จำเลยฝากไว้กับผู้ร้องนั้น ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมาตั้งแต่มีการฝากเงินแล้ว จำเลยผู้ฝากคงมีเพียงสิทธิที่จะถอนเงินที่ฝากไปได้และผู้ร้องมีหน้าที่ต้องคืนเงินที่ขอถอนเท่านั้น จึงมิใช่การส่งมอบสังหาริมทรัพย์ของจำเลยให้แก่ผู้ร้องตามลักษณะจำนำแต่อย่างใด กรณีมิใช่จำนำเงินฝาก ส่วนสมุดคู่ฝากออมทรัพย์ที่จำเลยมอบไว้แก่ผู้ร้องก็เป็นเพียงการตกลงมอบสิทธิที่จะได้รับเงินฝากคืนให้ไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ของผู้กู้ทุกรายทั้งสิทธิดังกล่าวก็เป็นสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่างอันจะส่งมอบแก่กันได้ โดยเฉพาะไม่ใช่สิทธิซึ่งมีตราสารตามกฎหมาย จึงไม่เป็นการจำนำสิทธิมีตราสารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 750 ดังนั้น เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยจำนำเงินฝากหรือจำนำสิทธิ ซึ่งมีตราสารไว้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจะอ้างบุริมสิทธิจำนำมาบังคับเหนือทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ไม่ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝาก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงินจำนวน 4,745,959 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 3,000,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม2541 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระ ต่อมาวันที่ 25 มิถุนายน 2541 โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดทรัพย์สินของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินฝากของจำเลยซึ่งอยู่ในบัญชีธนาคารผู้ร้อง สาขาเพชรบุรี ตามบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 79-11-00561-1 จำนวน 4,199,064.08 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินฝากของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยไม่มีอยู่จริง พฤติการณ์ของโจทก์และจำเลยเป็นการสมคบกันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้อง จำเลยฝากเงินประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 99-11-00561-1 เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ของลูกค้าของจำเลยซึ่งกู้ยืมเงินจากผู้ร้องเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของต้นเงินที่ลูกค้าแต่ละรายกู้ไปจากผู้ร้อง โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกับลูกค้า พร้อมกันนี้จำเลยยังเอาสิทธิเรียกร้องที่จะได้รับเงินฝากคืนจากผู้ร้องมาจำนำเป็นประกันไว้กับผู้ร้อง ซึ่งสิทธิเรียกร้องดังกล่าวเป็นสังหาริมทรัพย์ โดยจำเลยส่งมอบสมุดคู่ฝากอันเป็นหลักฐานการฝากให้แก่ผู้ร้องและยินยอมให้ผู้ร้องหักเงินจากบัญชีเงินฝากเพื่อชำระหนี้เมื่อลูกค้าผิดสัญญากับผู้ร้อง เมื่อจำเลยจำนำสิทธิเรียกร้องโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นทรัพยสิทธิที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิชอบที่จะยึดของจำนำคือสิทธิเรียกร้องและวัตถุแห่งสิทธิเรียกร้องคือจำนวนเงินที่ผู้ร้องจะต้องส่งคืนแก่จำเลยทั้งหมดจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วน ขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝากดังกล่าว
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องใช้สิทธิโดยมิชอบเนื่องจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องมิได้อยู่ในฐานะคู่ความและมิได้มีส่วนได้เสียที่จะโต้แย้งพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยไม่ได้นำเงินฝากจำนำไว้กับผู้ร้อง แต่เป็นเพียงประกันตามเงื่อนไขของสัญญาค้ำประกันซึ่งกำหนดเวลาเพียง 1 ปี เท่านั้นและระยะเวลาก็ล่วงเลยไปแล้ว ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะยึดหน่วงเงินดังกล่าว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดเงินฝากออมทรัพย์บัญชีธนาคารผู้ร้อง สาขาเพชรบุรี บัญชีเลขที่ 79-11-00561-1 ชื่อบัญชีเจ้าสำราญ ซันไลต์ หักฝากค้ำโครงการ 10% ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันกับผู้ร้องไว้ตามเอกสารหมาย ร.5 โดยมีสาระสำคัญตามสัญญาข้อที่ 6ว่าจำเลยสัญญาว่าจะฝากเงินประเภทฝากออมทรัพย์กับผู้ร้อง ตามบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 79-11-00561-1 เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ของผู้กู้ทุกรายเป็นจำนวนเงินในอัตราร้อยละ 10 ของต้นเงินที่ผู้กู้แต่ละรายกู้ไปจากผู้ร้อง และจำเลยยอมให้ผู้ร้องหักเงินจำนวนนี้เพื่อชำระหนี้เมื่อผู้กู้รายหนึ่งรายใดหรือทั้งหมดทุกรายผิดสัญญากับผู้ร้อง และข้อที่ 7 ว่าเพื่อเป็นหลักประกันตามสัญญา จำเลยยอมมอบสมุดคู่ฝากออมทรัพย์ตามข้อ 6 ให้ผู้ร้องยึดถือตลอดไป จนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้จากผู้กู้ครบถ้วน และตกลงยินยอมให้ผู้ร้องหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ดังกล่าวชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝากหรือไม่ เห็นว่า สำหรับเงินฝากตามบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่จำเลยฝากไว้กับผู้ร้องนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมาตั้งแต่มีการฝากเงินแล้ว จำเลยผู้ฝากคงมีเพียงสิทธิที่จะถอนเงินที่ฝากไปได้และผู้ร้องมีหน้าที่ต้องคืนเงินที่ขอถอนเท่านั้น จึงมิใช่การส่งมอบสังหาริมทรัพย์ของจำเลยให้แก่ผู้ร้องตามลักษณะจำนำแต่อย่างใด กรณีมิใช่จำนำเงินฝากส่วนสมุดคู่ฝากออมทรัพย์ที่จำเลยมอบไว้แก่ผู้ร้องก็เป็นเพียงการตกลงมอบสิทธิที่จะได้รับเงินฝากคืนให้ไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ของผู้กู้ทุกราย ทั้งสิทธิดังกล่าวก็เป็นสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่างอันจะส่งมอบแก่กันได้โดยเฉพาะไม่ใช่สิทธิ ซึ่งมีตราสารตามกฎหมายจึงไม่เป็นการจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 750 ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจำนำเงินฝากหรือจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารไว้แก่ผู้ร้องดังที่วินิจฉัยมาแล้ว ผู้ร้องจะอ้างบุริมสิทธิจำนำมาบังคับเหนือทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ไม่ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการอายัดเงินฝาก ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกคำร้อง ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน