คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา60พรรษาพ.ศ.2530มาตรา5ตอนท้ายที่ระบุว่าโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆหมายความเพียงว่าผู้ที่ถูกลงโทษทางวินัยไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยเท่านั้นหาได้หมายความว่าความประพฤติหรือการกระทำที่เป็นเหตุให้บุคคลนั้นถูกลงโทษทางวินัยลบล้างไปด้วยไม่ กรมที่ดินมีคำสั่งลงโทษทางวินัยให้ปลดโจทก์ออกจากราชการฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาพระราชบัญญัติล้างมลทินฯดังกล่าวมีผลเพียงให้ถือว่าโจทก์ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ปลดออกจากราชการเท่านั้นแต่การกระทำหรือความประพฤติของโจทก์ที่ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่หรืออื่นๆไม่ได้ถูกลบล้างไปด้วยการที่คณะกรรมการช่างรังวัดเอกชนเห็นว่าการกระทำของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้รับการล้างมลทินและเป็นการขาดคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติช่างรังวัดเอกชนฯมาตรา19(7)ที่ว่าไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิ เป็น ช่าง รังวัด เอกชน และมีสิทธิ ได้รับ ใบอนุญาต เป็น ช่าง รังวัด เอกชน ตาม พระราชบัญญัติช่าง รังวัด เอกชน พ.ศ. 2535 จึง ได้ ยื่น คำขอ รับ ใบอนุญาต ดังกล่าวต่อ คณะกรรมการ ช่าง รังวัด เอกชน ซึ่ง มี จำเลย ที่ 1 เป็น ประธาน คณะกรรมการจำเลย ที่ 2 เป็น ผู้ทำการ แทน จำเลย ที่ 1 ใน ฐานะ ประธาน การ ประชุมใน ที่ ประชุม คณะกรรมการ และ จำเลย ที่ 3 เป็น หัวหน้า สำนักงานคณะกรรมการ ช่าง วัด เอกชน โดย โจทก์ แนบ หลักฐาน ที่ โจทก์ เคย ดำรง ตำแหน่งช่าง รังวัด สังกัด กรมที่ดิน และ หนังสือ รับรอง ความประพฤติ ตาม ระเบียบที่ คณะกรรมการ กำหนด ไว้ ไป ด้วย จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 กับพวก ได้ ประชุมพิจารณา คำขอ รับ ใบอนุญาต เป็น ช่าง รังวัด เอกชน ของ โจทก์ แล้ว ลงมติ ว่ากรมที่ดิน มี คำสั่ง ปลด โจทก์ ออกจาก ราชการ เมื่อ วันที่ 6 กันยายน 2525ฐาน ไม่ ตั้งใจ ปฏิบัติ หน้าที่ แม้ โจทก์ จะ ได้รับ การ ล้างมลทิน ตามพระราชบัญญัติ ล้างมลทิน ใน วโรกาส ที่ พระ บาท สมเด็จ พระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรง มี พระ ชน มพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 แล้ว ก็ ตาม แต่ การกระทำ ดังกล่าว เป็น ความประพฤติ ที่ มี ลักษณะ ต้องห้าม ตามมาตรา 19(7) แห่ง พระราชบัญญัติ ช่าง รังวัด เอกชน พ.ศ. 2535 คือ เป็นผู้ที่ มี ความประพฤติ เสื่อมเสีย หรือ บกพร่อง ใน ศีลธรรม อัน ดีจึง ไม่สมควร ที่ จะ ให้ เป็น ช่าง รังวัด เอกชน โจทก์ ยื่น อุทธรณ์ คัดค้านมติ ของ คณะกรรมการ ช่าง รังวัด เอกชน ต่อ จำเลย ที่ 4 แต่ จำเลย ที่ 4เห็นชอบ ตาม มติ ของ คณะกรรมการ ช่าง รังวัด เอกชน ซึ่ง มติ ของ คณะกรรมการช่าง รังวัด เอกชน และ คำวินิจฉัย ของ จำเลย ที่ 4 ขัด ต่อ เจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติ ล้างมลทิน ใน วโรกาส ที่ พระ บาท สมเด็จ พระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรง มี พระ ชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 และ เป็น การ โต้แย้ง สิทธิ โจทก์ เพราะ พระราชบัญญัติ ดังกล่าว มี เจตนารมณ์ที่ จะ ให้ บุคคล ที่ เคย ถูก ลงโทษ ทางวินัย ได้รับ การ ล้างมลทิน เพื่อ ให้ ได้มีสิทธิ สมบูรณ์ เช่นเดียว กับ บุคคล ทั้งหลาย ซึ่ง ไม่เคย ได้รับ โทษนับแต่ โจทก์ ได้รับ โทษ ทางวินัย โจทก์ ไม่เคย กระทำ ความผิด หรือ มีความประพฤติ เสื่อมเสีย หรือ บกพร่อง ใน ศีลธรรม อัน ดี อย่างใด เลยและ โจทก์ มี ข้าราชการ ระดับ 6 และ 7 รับรอง ความประพฤติ ถูกต้องตาม กฎหมาย โจทก์ จึง มีสิทธิ เป็น ช่าง วัด เอกชน ได้ ขอให้ พิพากษา ว่ามติ ของ คณะกรรมการ ช่าง รังวัด เอกชน โดย จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 กับพวกรวม 8 คน ที่ ไม่อนุญาต ให้ โจทก์ เป็น ช่าง รังวัด เอกชน และ คำวินิจฉัยของ จำเลย ที่ 4 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ให้ จำเลย ทั้ง สี่ ร่วมกัน ออกใบอนุญาต เป็น ช่าง รังวัด เอกชน ให้ แก่ โจทก์ ตาม คำขอ ลงวันที่16 ธันวาคม 2535
ศาลชั้นต้น ตรวจ คำฟ้อง แล้ว วินิจฉัย ว่า พระราชบัญญัติ ล้างมลทินใน วโรกาส ที่ พระ บาท สมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรง มี พระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 ให้ ล้าง แต่เพียง มลทิน ของ โทษ เท่านั้นแต่ การ ประพฤติ ตน ไม่ เหมาะสม ของ โจทก์ หา ถูก ล้าง ไป ด้วย ไม่ จำเลย ทั้ง สี่นำ ความประพฤติ ของ โจทก์ มา ประกอบการ พิจารณา ได้ คำวินิจฉัย ของจำเลย ทั้ง สี่ จึง ไม่ ขัด ต่อ พระราชบัญญัติ ดังกล่าว พิพากษายก ฟ้องโจทก์
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ส่วน ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า พระราชบัญญัติล้างมลทิน ใน วโรกาส ที่ พระ บาท สมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรง มี พระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มาตรา 5 บัญญัติ ว่า”ให้ ล้างมลทิน ให้ แก่ บรรดา ผู้ถูกลงโทษ ทางวินัย ใน กรณี ซึ่ง ได้ กระทำ ก่อนหรือ ใน วันที่ 5 ธันวาคม 2530 และ ได้รับ โทษ หรือ รับ ทัณฑ์ ทั้งหมดหรือ บางส่วน ไป แล้ว ก่อน หรือ ใน วันที่ พระราชบัญญัติ นี้ ใช้ บังคับโดย ให้ ถือว่า ผู้ นั้น มิได้ เคย ถูก ลงโทษ หรือ ลงทัณฑ์ ทางวินัย ใน กรณีนั้น ๆ ” โจทก์ ซึ่ง ถูก ลงโทษ ทางวินัย ก่อน ที่ พระราชบัญญัติ ดังกล่าวใช้ บังคับ ย่อม ได้รับ ประโยชน์ ใน อัน ที่ จะ ต้อง ถือว่า เป็น ผู้ มี คุณสมบัติไม่ต้องห้าม ตาม พระราชบัญญัติ ช่าง รังวัด เอกชน พ.ศ. 2535 นั้นเห็นว่า พระราชบัญญัติ ล้างมลทิน ใน วโรกาส ที่ พระ บาท สมเด็จ พระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรง มี พระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มาตรา 5ตอนท้าย ที่ ระบุ ว่า โดย ให้ ถือว่า ผู้ นั้น มิได้ เคย ถูก ลงโทษ หรือ ลงทัณฑ์ทางวินัย ใน กรณี นั้น ๆ ย่อม หมายความ เพียง ว่า ผู้ที่ ถูก ลงโทษ ทางวินัยไม่เคย ถูก ลงโทษ ทางวินัย เท่านั้น หา ได้ หมายความ ว่า ความประพฤติหรือ การกระทำ ที่ เป็นเหตุ ให้ บุคคล นั้น ถูก ลงโทษ ทางวินัย ถูก ลบล้างไป ด้วย ไม่ เพราะ เรื่อง ความประพฤติ หรือ การกระทำ ที่ เกิดขึ้น แล้วไม่อาจ ล้างมลทิน ให้ หมด ไป ได้ กรณี ของ โจทก์ ที่ กรมที่ดิน มี คำสั่งลงโทษ ทางวินัย ให้ ปลด ออกจาก ราชการ ฐาน ไม่ ตั้งใจ ปฏิบัติ หน้าที่ปฏิบัติ หน้าที่ ราชการ โดยมิชอบ เพื่อ ให้ ตนเอง ได้ ประโยชน์ ที่ มิควร ได้เป็น การทุจริต ต่อหน้า ที่ รายงาน เท็จ ต่อ ผู้บังคับบัญชา พระราชบัญญัติล้างมลทิน ใน วโรกาส ที่ พระ บาท สมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรง มี พระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มีผล เพียง ให้ ถือว่า โจทก์ไม่เคย ถูก ลงโทษ ทางวินัย ให้ ปลด ออกจาก ราชการ เท่านั้น แต่ การกระทำหรือ ความประพฤติ ของ โจทก์ ที่ ไม่ ตั้งใจ ปฏิบัติ หน้าที่ หรือ อื่น ๆไม่ได้ ถูก ลบล้าง ไป ด้วย ดังนั้น ที่ คณะกรรมการ ช่าง รังวัด เอกชนซึ่ง มี จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 เป็น กรรมการ อยู่ ด้วย เห็นว่า การกระทำของ โจทก์ ดังกล่าว ไม่ได้ รับ การ ล้างมลทิน และ เป็น การกระทำ ที่ ขาดคุณสมบัติ ตาม พระราชบัญญัติ ช่าง รังวัด เอกชน พ.ศ. 2535 มาตรา 19(7)ที่ ว่า ไม่เป็น ผู้ มี ความประพฤติ เสื่อมเสีย จึง ชอบ ด้วย พระราชบัญญัติดังกล่าว ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา ชอบแล้ว ฎีกา โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share