คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเพิ่งส่งสำเนาเอกสารสัญญาหลังจากโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ย่อมทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดี เพราะอย่างน้อยก็ทำให้หมดโอกาสที่จะซักถามพยานโจทก์หรือนำสืบหักล้างได้ศาลย่อมไม่ฟังเอกสารสัญญานั้นเป็นพยานหลักฐาน
จำเลยร่วมซึ่งเช่าห้องแถวจากจำเลยแม้จะเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ตามเมื่ออยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยแล้ว ก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ทำการค้าโดยปลูกบ้านให้คนเช่า 3 ปี ครบกำหนดการเช่า ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้บังคับ

จำเลยให้การปฏิเสธ

นางหวั่งตี้และนางซิ้วเฮียงร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยส่งสำเนาสัญญาซื้อขายให้โจทก์หลังจากโจทก์สืบพยานของโจทก์เสร็จ ย่อมทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดีโดยไม่มีปัญหา เพราะอย่างน้อยโจทก์หมดโอกาสที่จะซักถามพยานโจทก์หรือนำสืบหักล้างเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายฉบับนี้ ศาลชั้นต้นไม่รับฟังสัญญาซื้อขายของจำเลยเป็นพยานหลักฐานชอบแล้ว

ที่จำเลยร่วมฎีกาว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ นั้นเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การซื้อขายห้องแถวระหว่างจำเลยและจำเลยร่วมไม่มีจริง จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้เช่าห้องแถวรายนี้จากจำเลย แม้จะเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ต้องถือว่าอยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลย ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share