แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องขอหย่าและให้ริบทรัพย์โดยอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดทัณฑ์บน เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยไม่เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เรื่องผิดทัณฑ์บนจึงเป็นเพียงข้อตกลงกันตามธรรมดา เมื่อไม่มีมูลหนี้ผูกพันกันตามกฎหมายก็บังคับกันไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ริบทรัพย์จำเลยตามทัณฑ์บนเมื่อศาลวินิจฉัยว่าทัณฑ์บนใช้บังคับไม่ได้ คดีก็ไม่มีประเด็นว่าจะแบ่งทรัพย์กันเพียงใดหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ฎีกาโต้แย้ง ศาลฎีกาย่อมไม่แก้ไข
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากสามีภรรยากับจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประพฤติไม่ดีและผิดทานบนที่ทำไว้กับขอให้ริบทรัพย์สมรสทั้งหมดตามทานบนให้ตกได้แก่โจทก์ทั้งหมด
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และไม่ได้ทำทานบนให้โจทก์ จะขอริบทรัพย์ไม่ได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์จำเลยไม่เป็นสามีภรรยากันตาม กฎหมายจึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าถึงไม่เป็นสามีภรรยากันเรือนหมายเลข 2 เป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน จึงพิพากษาแก้ให้แบ่งเรือนหมายเลข 2 ให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังว่าโจทก์จำเลยอยู่กินด้วยกันภายหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เมื่อมิได้จดทะเบียนสมรสจึงมิใช่สามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายดังนั้นทานบนที่ทำไว้จึงเป็นเพียงข้อตกลงกันตามธรรมดาระหว่างบุคคล ไม่มีมูลหนี้ผูกมัดตามกฎหมายที่จะริบทรัพย์กันได้
ส่วนปัญหาเรื่องทรัพย์ คดีไม่มีปัญหาว่าทรัพย์นี้จะเป็นสินส่วนตัว สินสมรสหรือกรรมสิทธิ์รวมประการใดไม่มีฝ่ายใดกล่าวอ้างเสนอคำขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นในเรื่องแบ่งทรัพย์นั้นเลย จึงควรจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์หมายเลข 2 ไป หนึ่งรายการซึ่งเป็นผลดีแก่โจทก์จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้าน ศาลฎีกาไม่แก้ไข จึงพิพากษายืน