คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารที่ผู้ให้เช่าหลอกลวงให้ผู้เช่าทำ มีข้อความว่าผู้เช่ายินยอมออกจากห้องเช่าภายในกำหนดนั้น ไม่ใช่เอกสารเกี่ยวกับการตั้งเปลี่ยนแก้ หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิ์หรือหนี้สินไม่ใช่หนังสือสำคัญตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 6(20)
ความผูกพันระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่าในการเช่าบ้านไม่ใช่หนี้สินตามความหมายมาตรา 6(20) กฎหมายลักษณะอาญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ให้โจทก์เช่าห้องแถว จำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงให้โจทก์ลงชื่อในหนังสือที่จำเลยทำมาให้อันมีข้อความเป็นภาษาไทย และจำเลยบอกว่าจะนำไปเป็นหลักฐานเพื่อต่อสู้คดีกับเจ้าของที่ดินที่ศาล ถ้าจำเลยชนะคดีเจ้าของที่ดินแล้ว จะให้โจทก์เช่าอยู่ตลอดไป โจทก์อ่านหนังสือไทยไม่เป็นและหลงเชื่อ จึงได้ลงชื่อในหนังสือฉบับนั้นไป ซึ่งความจริงหนังสือนั้นปรากฏว่าเป็นหนังสือที่จำเลยหลอกลวงให้โจทก์ทำเพื่อเป็นหลักฐานว่าโจทก์ได้ตกลงยอมออกจากห้องเช่าของจำเลย แล้วจำเลยได้ใช้หนังสือสำคัญนี้เป็นหลักฐานฟ้องคดีต่อศาล เพื่อขับไล่โจทก์ออกจากห้องเช่าของจำเลยขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304

ศาลชั้นต้นงดไต่สวนโดยเห็นว่า เอกสารที่โจทก์หาว่าจำเลยหลอกลวงไม่ใช่หนังสือสำคัญตามกฎหมาย และคดีขาดอายุความ

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เอกสารเป็นหนังสือสำคัญตามกฎหมาย อายุความจำต้องฟังข้อเท็จจริงกันต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นจัดการไต่สวนพยานโจทก์ แล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารในเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องผู้เช่าทำให้ไว้แก่ผู้ให้เช่ายินยอมออกจากห้องเช่าภายในกำหนด จึงไม่ใช่เอกสารเกี่ยวกับการตั้งเปลี่ยนหรือแก้ หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิ์หรือหนี้สิน ไม่เป็นหนังสือสำคัญตามกฎหมาย ข้อที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฐานะระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อผูกพันในเรื่องเช่านับว่าเป็นหนี้สินส่วนหนึ่งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าความผูกพันดังกล่าวจัดว่าเป็นหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ก็ตาม แต่ไม่ใช่หนี้สินตามมาตรา 6(20) กฎหมายลักษณะอาญา ซึ่งประกาศใช้ก่อนมีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว เมื่อไม่เป็นหนังสือสำคัญตามกฎหมายแล้ว การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 304

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share