แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลได้สั่งให้ความผิดฐานฉ้อโกงระงับไปแล้วคำ พิพากษาของศาลที่เกี่ยวกับความผิดฐานฉ้อโกง เช่น การลงโทษ การมใช้ทรัพย์และการริบทรัพย์ย่อมระงับ+ด้วยในตัว และเมื่อการริบทรัพย์ระงับไปแล้ว+กลางของ จำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงก็ต้องคืนได้จำเลยไป
ย่อยาว
คดีทั้ง ๖ สำนวนนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิด พรบ การแพทย์และฉ้อโกงเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลางอันเป็นเครืองอุปกรณ์ในการฉ้อโกง ปรากฏตามบัญชีท้ายฟ้องขอให้ ลงโทษ จำเลยตาม กฎหมายอาญามาตรา ๓๐๔, ๓๐๖, ๗๑ และ พรบ การแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ มาตรา ๑๙ กฏกระทรวงแห่ง พรบ การแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ ข้อ ๒๙(๒) กับขอให้ จำเลยคืนทรัพย์และริบของกลางตามบัญชีท้ายฟ้อง เมื่อคดีคำเนินมาจนถึงระหว่างฎีกา เจ้าทุกข์ได้ขอยอมความเลิกคดีกับ จำเลยในความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๖ อันเป็นความผิดต่อส่วนตัว ศาลฎีกาได้สั่งอนุญาตให้ความผิดตามมาตรา ๓๐๖ เป็นอันระงับไป คงพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตาม พรบ การแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ และกฏกระทรวงตาม พรบ การแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ ข้อ ๒๙(๒) เท่านั้น แต่ จำเลยต้องขังมาเกินกำหนดแล้วจึงให้ปล่อยจำเลยไป ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอรับของกลางคืน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์สังไม่คืนของกลางให้แก่จำเลย ๆ ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์กล่าวว่า “เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลางอันเป็นเครื่องอุปกรณ์ในการฉ้อโกงตามบัญชีท้ายฟ้อง ” แต่ศาลฎีกาได้สั่งให้ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นอันระงับไปแล้ว ฉะนั้นคำ พิพากษาของศาลเกี่ยวกับความผิดฐานฉ้อโกงเช่นการลงโทษการใช้ทรัพย์และการริบทรัพย์ ย่อมระงับไปด้วยในตัวโดยไม่ต้องระบุย้ำรายละเอียดอีก สำหรับคดีนี้เมื่อการริบทรัพย์ระงับไปตามคำสั่ง ศาลฎีกาดังกล่าวแล้วก็ต้องคืนของกลางให้จำเลยไปจึงพิพากษากลับศาลล่างทั้ง ๒ ให้คืนของกลางให้จำเลยไป