แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาซื้อขายมีข้อความว่า “ผู้ขายยอมขายที่ดินแปลงที่กล่าวข้างบนนี้ทั้งแปลงแก่ผู้ซื้อ ฯลฯ” ผู้ซื้อย่อมนำพยานมาสืบได้ว่า ผู้ขายตกลงด้วยวาจาขายที่นอกโฉนดด้วย โดยขายเหมาทั้งแปลง ตามแนวเขตที่ผู้ขายนำชี้ การนำสืบเช่นนี้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (ข)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายที่ดินโฉนดที่ ๒๔๖๐ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๑ งาน ๗๒ ตารางวา โดยตกลงขายเหมาและชี้เขตคันกัน ต่อมาปรากฏว่าจำนวนเนื้อที่มากว่าที่ปรากฏในโฉนด จำเลยไม่ยอมส่งมอบที่ดินตามสัญญาให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ได้ตกลงขายเฉพาะที่ดินในโฉนดที่ ๒๔๖๐ ไม่ใช่ขายเหมาทั้งแปลง โจทก์จำเลยได้ตกลงกันว่า ถ้ามีที่ดินเกินโฉนด โจทก์ก็จะรับซื้อไว้ด้วย แล้วโจทก์จำเลยได้สอบเขตมีที่ดินเกินโฉนด แต่โจทก์กลับไม่ซื้อ อ้างว่าเงินไม่พอ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๑ โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าได้มีการตกลงด้วยวาจานอกเหนือข้อความในสัญญาซื้อขายไม่ได้เป็นการนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในเอกสารสัญญาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ (ข) พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยรับอยู่แล้วว่า นอกเหนือจากสัญญาซื้อขายที่พิพาทแล้วยังมีข้อตกลงในการขายที่ดินเกินโฉนดให้โจทก์ การที่โจทก์จะขอสืบว่า จำเลยได้ตกลงด้วยวาจาขายที่เกินโฉนดให้โจทก์ด้วยนั้น โจทก์นำสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ (ข) พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อโต้เถียงของโจทก์จำเลยในประเด็นสำคัญมีอยู่ว่า จำเลยได้ตกลงขายที่พิพาทโดยขายเหมาทั้งแปลงแก่โจทก์หรือไม่นี้ ไม่เป็นการนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในเอกสารสัญญา เพราะโจทก์ขอนำสืบว่าเป็นการขายทั้งแปลงตามแนวเขตที่จำเลยได้ชี้ให้แก่โจทก์ กรณีจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ (ข)
พิพากษายืน.