คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2512

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

การที่จำเลยเซ็นรับรองลายมือของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็ค และจำเลยนำเช็คดังกล่าวไปใช้. จำเลยจำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83. เพราะมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่าบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญานี้ ให้ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย. เว้นแต่กฎหมายนั้นๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และมาตรา 83 ก็เป็นบทบัญญัติในภาค 1. ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 ก็มิได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น.

ย่อยาว

คดีนี้ศาลล่างทั้งสองได้พิจารณาและพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาเลขแดงที่ 2733/2508 ของศาลอาญา ซึ่งโจทก์และโจทก์ร่วมได้ฟ้องนายอุมา นิชูเป็นจำเลยในความผิดฐานเดียวกับจำเลยคดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2505 เวลากลางวันจำเลยและนายอุมาได้บังอาจร่วมกันออกเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาบางซื่อ2 ฉบับ คือ หมายเลข เอฟ.793268 เอฟ.793270 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม2505 รวมเป็นเงิน 213,000 บาท โดยนายอุมา นิชูเป็นผู้เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาบางซื่อ และได้ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย แล้วได้มอบเช็คทั้งสองฉบับแก่นายเว้งเซียะ หรือยงแซ่โค้วจำเลย ๆ ได้เซ็นชื่อรับรองว่าเป็นลายมือชื่อของนายอุมา นิชูจริง แล้วนายเว้งเซียะ หรือยง แซ่โค้ว นำเช็คทั้งสองฉบับไปใช้ในการชำระหนี้ค่าไม้แปรรูปแก่บริษัทศรีมหาราชา จำกัด โดยรับรองว่ามีเงินพอจ่ายตามเช็ค ต่อมาวันที่ 30 พฤษภาคม 2505 เวลากลางวันเจ้าหน้าที่ของบริษัทศรีมหาราชา จำกัด ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ๆ เรียกเก็บเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัดสาขาบางซื่อ ๆ ได้ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยเงินในบัญชีมีไม่พอจ่ายทั้งนี้โดยจำเลยและนายอุมามีเจตนาร่วมกันที่จะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น ออกเช็คโดยขณะที่ออกมีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น ชั้นสอบสวนนายอุมานิชูให้การรับสารภาพ เหตุเกิดที่ตำบลชนะสงคราม ตำบลสามเสนใน อำเภอพระนคร อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 บริษัทศรีมหาราชา จำกัดฯ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลอนุญาต จำเลยและนายอุมาให้การปฏิเสธ ศาลอาญาพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยและนายอุมากระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยและนายอุมามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประกอบด้วยกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 1 ปี นายอุมาให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกนายอุมา 8 เดือน จำเลยและนายอุมาอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายเว้งเซียะ แซ่โค้วจำเลยฎีกา ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจาของทนายจำเลยและทนายโจทก์ร่วมและประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้ศาลสั่งรับฎีกาจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยเซ็นรับรองลายมือนายอุมาผู้สั่งจ่ายในเช็คและนำเช็คไปใช้ จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมกับนายอุมาออกเช็คหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยดังกล่าวนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่านายเว้งเซียะ แซ่โค้วจำเลยตั้งร้านค้าไม้ชื่อ เปรมยง อยู่ที่สะพานควาย ถนนพหลโยธิน เป็นลูกค้าซื้อไม้ของบริษัทศรีมหาราชา จำกัดโจทก์ร่วม เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2505 นายอุมา นิชูได้นำเงินที่จำเลยมอบให้ 20,000 บาทไปเปิดบัญชีฝากเงินที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัดสาขาบางซื่อ และต่อนั้นสองสามวันจำเลยได้ให้นายอุมา นิชู เขียนเช็คถอนเงินสองฉบับเป็นจำนวนเงินรวม 19,800 บาท คงเหลือเงินไว้ในบัญชีเพียง 200 บาท แล้วจำเลยก็เก็บสมุดเช็คไว้เองและไม่มีการฝากเงินเพิ่มเติมอีกเลย ต่อมาวันที่ 23 เมษายน 2505 จำเลยได้ให้นายอุมา นิชูออกเช็คสองฉบับคือเช็คเลขที่ เอฟ.793268 สั่งจ่ายเงิน138,000 บาท และเลขที่ เอฟ.793270 สั่งจ่ายเงิน 75,000 บาท เป็นเช็คล่วงหน้า ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2505 ของธนาคารกสิกรไทย จำกัดสาขาบางซื่อ ตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.5 และจำเลยได้เขียนลงด้านหลังเช็คดังกล่าวว่า ข้าพเจ้าขอรับรองว่า เช็คใบนี้เป็นลายเซ็นของคุณอุมาจริง แล้วจำเลยได้นำเช็คหมาย จ.3 และ จ.5 ไปชำระหนี้ค่าไม้ที่ค้างกับบริษัทศรีมหาราชา จำกัด โจทก์ร่วม ต่อมาวันที่ 30เดือนพฤษภาคม 2505 เจ้าหน้าที่การเงินของบริษัทโจทก์ร่วมได้นำเช็คดังกล่าวแล้วทั้งสองฉบับไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด เพื่อเรียกเก็บเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาบางซื่อ ๆ ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค เพราะเงินในบัญชีฝากของนายอุมา นิชูไม่พอจ่ายโดยมีเหลือเพียง 200 บาทเท่านั้น โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ในปัญหาที่ว่า ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวแล้วข้างต้นนั้น จะถือว่านายเว้งเซียะ แซ่โค้วจำเลยได้ร่วมกับนายอุมา นิชูออกเช็คอันเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าขั้นแรกจำเลยนี้เป็นผู้ให้เงินแก่นายอุมา นิชูไปเปิดบัญชีเงินฝากแก่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาบางซื่อ เมื่อเปิดบัญชีแล้วก็ได้ถอนเงินเสียเกือบหมดคงเหลือไว้ในบัญชีเพียง 200 บาทแล้วก็ไม่มีการฝากเพิ่มอีกโดยจำเลยเป็นผู้เก็บสมุดเช็คไว้เสียเองแทนที่จะให้นายอุมาผู้เป็นเจ้าของบัญชีเก็บ แล้วจำเลยก็ให้นายอุมาออกเช็คพิพาทหมาย จ.3 และ จ.5 สองฉบับสั่งจ่ายเงินรวมถึง 213,000 บาททั้งที่รู้ว่าในบัญชีฝากมีเงินอยู่เพียง 200 บาทเท่านั้น แล้วจำเลยได้นำเช็คพิพาทไปชำระหนี้แก่บริษัทศรีมหาราชา จำกัดโจทก์ร่วม ๆนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาบางซื่อ ๆ ได้ปฏิเสธการจ่ายเงินมา เพราะเงินในบัญชีของนายอุมามีเพียง 200 บาทไม่พอจ่ายเป็นเหตุให้นายอุมาต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คตามมาตรา 3แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแล้วแสดงให้เห็นว่า จำเลยนี้ได้ร่วมกับนายอุมานิชูมาตั้งแต่ต้น หรือเป็นต้นตอให้นายอุมาเปิดบัญชีฝากเงินต่อธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาบางซื่อ และรู้เห็นเกี่ยวกับบัญชีฝากเงินและการที่นายอุมาถอนเงิน ออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินโดยจำเลยเซ็นรับรองลายมือนายอุมาในเช็คพิพาทด้วยตลอดมา จึงได้ชื่อว่าจำเลยได้ร่วมกับนายอุมา นิชูออกเช็ครายพิพาทนั่นเอง จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการทำความผิดฐานออกเช็คให้ใช้เงินจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี อันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คด้วยเจตนาจะไม่มีการใช้เงินตามเช็คนั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเพราะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้บัญญัติให้ผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวเป็นตัวการในความผิดนั้น ๆ ด้วย โดยมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติว่า บทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญานี้ให้ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆจะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และมาตรา 83 ก็เป็นบทบัญญัติในภาค 1ดังกล่าวแล้วทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 ก็มิได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น ไม่ใช่ว่าบุคคลอื่นใดที่ไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คแล้วจะไม่อาจมีความผิดฐานเป็นผู้สมคบหรือเป็นตัวการในการทำความผิดตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้ดังฎีกาของจำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นชอบด้วยเหตุผลและบทกฎหมายแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลย.

Share