คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้ว่า ตกลงกำหนดโอนที่ดินให้ผู้ซื้อหรือผู้หนึ่งผู้ใดที่ผู้ซื้อระบุภายใน 1 เดือนนับแต่วันทำสัญญา ถ้าพ้นกำหนดแล้วผู้ซื้อยังชำระเงินค่าที่ดินให้ผู้ขายไม่ได้ ผู้ขายยอมขยายเวลาให้อีก 150 วัน โดยผู้ซื้อยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีในเงินค่าที่ดินที่ยังไม่ชำระสำหรับระยะเวลา 150 วันนั้น ถ้าเกินกำหนดนี้ ผู้ขายมีสิทธิเลิกสัญญาได้ทันที ดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ตามสัญญาดังกล่าวถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับ เมื่อไม่ชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 เพราะเป็นค่าเสียหายจำนวนหนึ่งที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้าว่าจะชดใช้ให้เมื่อผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ในกำหนดเวลาตามสัญญา
เมื่อผู้ซื้อผิดสัญญาไม่สามารถรับโอนที่ดินและชำระเงินค่าที่ดินได้ตามสัญญา ผู้ขายย่อมฟ้องเรียกดอกเบี้ยซึ่งกำหนดไว้เป็นเบี้ยปรับจากผู้ซื้อได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์เนื้อที่ ๓ ไร่ ๙๒ วา ราคารวม ๙๖๙,๐๐๐ บาท ตกลงกำหนดโอนให้โจทก์หรือผู้หนึ่งผู้ใดที่โจทก์ระบุภายใน ๑ เดือน ถ้าพ้นกำหนด โจทก์ยังชำระค่าที่ดินไม่ได้ จำเลยยอมขยายเวลาให้ ๑๕๐ วัน โดยโจทก์ยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปีให้ใน ๑๕๐ วันนั้น ซึ่งคำนวณได้เป็นเงิน ๕๙,๙๓๗ บาทถ้าพ้นกำหนดนี้ จำเลยมีสิทธิเลิกสัญญาได้ทันที และริบมัดจำได้โจทก์เสนอขายที่ดินนี้ต่อกรมไปรษณีย์ ฯ โทรเลขโดยจำเลยลงนามเสนอขายกรมไปรษณีย์ตกลงซื้อ แต่จำเลยกลับบิดพลิ้วไม่ขาย และบอกเลิกการขายอันเป็นผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย ๓๔๐,๐๖๓ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ผิดสัญญาและไม่สุจริต ฟ้องแย้งให้โจทก์ใช้ดอกเบี้ย ๕๙,๙๓๗ บาทแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งยืนยันตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยผิดสัญญาพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้อง ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ไม่สามารถรับโอนที่ดินและชำระราคาพร้อมดอกเบี้ยให้จำเลยได้ภายในกำหนดเวลาตามสัญญา และกรมไปรษณีย์ฯ ซึ่งโจทก์ระบุตัวให้เป็นผู้รับโอนที่ดินบางส่วน ก็ไม่สามารถชำระราคาได้ภายในกำหนดเวลาตามสัญญาเช่นเดียวกัน
ตามสัญญาจะซื้อขาย โจทก์ต้องรับโอนที่ดินและชำระราคาที่ดินให้จำเลยภายในกำหนด ๑ เดือน หากพ้นกำหนดโจทก์ยังชำระราคาที่ดินไม่ได้ จำเลยยอมขยายเวลาให้อีก ๑๕๐ วัน โดยโจทก์ยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปีในเงินค่าที่ดินที่ยังไม่ชำระสำหรับระยะเวลา ๑๕๐ วันนี้
มีปัญหาว่า เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จะต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยให้จำเลยหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยให้จำเลยตามฟ้องแย้งด้วย เพราะเป็นค่าเสียหายจำนวนหนึ่งที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้าในสัญญาจะซื้อขายที่ดิน จ.๒๖ว่าจะชดใช้ให้เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ในกำหนดเวลาตามสัญญา จึงเข้าลักษณะเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ก็จะต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยตามสัญญานี้
(ปัญหาข้อกฎหมายนอกจากนี้ ไม่จำเป็นต้องย่อไว้)
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้ดอกเบี้ยแก่จำเลยตามฟ้องแย้ง ๕๙,๙๓๗ บาท.

Share