คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อเลิกสัญญาเช่าซื้อและผู้ให้เช่าซื้อยอมรับรถคืนเลิกสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อใช้บังคับได้ เมื่อผู้เช่าซื้อรับว่าต้องชำระค่าเช่าจริงผู้ให้เช่าซื้อก็มีสิทธิได้ค่าเช่าซื้องวดที่ค้างชำระมาก่อนตามข้อตกลงเดิมในสัญญาเช่าซื้อซึ่งได้ทำไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2495 จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเม็ชเลสส์จากโจทก์เป็นเงิน 17,500 บาทชำระค่าเช่าเดือนละ 300 บาท สัญญาส่งค่าเช่าให้โจทก์ภายในวันที่1 ของเดือนใหม่ทุกเดือน นับแต่วันทำสัญญาจำเลยชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียง 3 เดือน แล้วไม่ชำระอีกจนบัดนี้ จำเลยค้างชำระค่าเช่านับถึงวันที่ 1 กันยายน 2499 ได้ 3 ปี 5 เดือน เป็นเงิน 12,300 บาท เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2499 ได้มีหนังสือทวงถาม จำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับหนังสือ ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างเดือนละ 300 บาท เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน เป็นเงิน 12,300 บาท และต่อไปอีกเดือนละ 300 บาทจนกว่าจะคืนรถให้โจทก์ และให้จำเลยคืนรถจักรยานยนต์ให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ใช้การได้ดี

จำเลยรับว่า ได้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อจริงแต่ปฏิเสธว่า ไม่เคยค้างค่าเช่าซื้อ ได้ส่งค่าเช่าซื้อให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับจำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 263/2499

โจทก์จำเลยแถลงต่อศาลตามรายงานพิจารณาลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2499 ดังนี้

1. โจทก์จำเลยรับกันว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ตามมูลสัญญาเช่าซื้อและการฟ้องนี้เป็นการบอกเลิกสัญญาด้วย

2. จำเลยยอมคืนรถรายนี้ให้โจทก์และจะนำมาคืนแก่โจทก์ที่ศาลในวันที่ 3 ธันวาคม 2499 เวลา 13.30 น. โดยฝ่ายโจทก์จะมารอรับและยอมรับรถคืน เมื่อรับคืนแล้ว โจทก์จะแถลงให้ศาลทราบในวันนั้น

3. จำเลยแถลงว่าค่าเช่านั้นจำเลยค้างชำระแก่โจทก์จริงตามฟ้อง แต่เมื่อโจทก์ยอมเลิกสัญญาเช่าซื้อและยอมรับรถคืนตามข้อ 2แล้วจำเลยเห็นว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าเช่านั้น

คู่ความตกลงไม่สืบพยานในข้อ 3 ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์รับรถคืนและเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วเช่นนี้ โจทก์จะมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างได้อีกหรือไม่ โจทก์จำเลยต่างแถลงไม่สืบพยานทั้งหมด และโจทก์ได้รับรถคืนตามกำหนด

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อตัดฟ้องและปัญหาข้ออื่นคู่ความสละแล้ว คงวินิจฉัยเฉพาะข้อที่คู่ความขอ ให้วินิจฉัยว่าจำเลยค้างค่าเช่าโจทก์ เมื่อโจทก์ยอมรับรถคืนเลิกสัญญาเช่าซื้อเช่นนี้โจทก์จะมีสิทธิเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยหรือไม่ เห็นว่าสัญญาเช่าซื้อให้บังคับได้ จำเลยรับอยู่ว่า ค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์จริงตามฟ้อง โจทก์มีสิทธิได้ค่าเช่าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 บัญญัติไว้เพียงเมื่อเจ้าของทรัพย์บอกเลิกสัญญาแล้ว เงินที่ได้ใช้มาก่อนให้ริบเป็นเจ้าของทรัพย์ ไม่ได้หมายความว่า เจ้าของทรัพย์จะเรียกค่าเช่าที่ค้างตามสัญญาไม่ได้ จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเช่ารถจักรยานยนต์นับแต่เดือนมีนาคม 2495 ตลอดมาจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 12,300 บาท ให้โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายความ 200 บาท แทนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยแถลงรับอยู่แล้วว่าได้ค้างชำระค่าเช่าโจทก์จริงตามฟ้อง หากจะฟังตามที่โจทก์จำเลยแถลงรับตามข้อ 1 ที่ว่า โจทก์จำเลยรับกันว่าการฟ้องคดีนี้เป็นการบอกเลิกสัญญาด้วยและตามข้อ 2 ที่ว่าจำเลยยอมคืนรถรายนี้ให้ และโจทก์ยอมรับคืน และตามที่จำเลยแถลงในข้อ 3 ว่า เมื่อโจทก์ยอมเลิกสัญญาเช่าซื้อและยอมรับรถคืนตามข้อ 2 แล้วโจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าเช่าเช่นนี้ อย่างมากก็จะฟังได้เพียงว่า จำเลยอาจจะไม่ต้องชำระค่าเช่าจากวันฟ้องตามที่โจทก์ยอมรับว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาและหรือจากวันที่โจทก์ยอมรับรถคืนตามที่แถลงนั้นก็หาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากความรับผิด ในค่าเช่าซื้อตามที่ค้างชำระมาก่อนตามข้อตกลงในสัญญาเดิมไม่ จึงพิพากษายืน

Share