แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีจะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 336 ทวิ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ยังไม่ได้คืนคิดเป็นเงิน 33,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(9) (ที่ถูกมาตรา 335(9) วรรคแรก)ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ให้จำคุก 4 ปี 6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนคิดเป็นเงิน 33,000 บาท แก่นายจิมมี่ ขันทองผู้เสียหายที่แท้จริง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง นายจิมมี่ ขันทอง ผู้เสียหายและนางสาวตวงเพ็ชร ศรีอำไพ ได้ว่าจ้างให้จำเลยขับรถยนต์รับจ้างสาธารณะไปส่งที่ท่าอากาศยานดอนเมือง แล้วจำเลยได้ลักเอากระเป๋าเดินทางสีดำใบเล็กซึ่งภายในมีธนบัตรรัฐบาลอังกฤษ น้ำหอมและสมุดบันทึกรวมราคาเป็นเงิน 33,000 บาท ตามบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้ายเอกสารหมาย จ.3ของนายจิมมี่ไป ต่อมานางสาวตวงเพ็ชรได้ติดตามสืบหาจำเลยพบและแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยฐานลักทรัพย์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่านายจิมมี่ขันทอง ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงมิได้ร้องทุกข์และมิได้มอบหมายให้นางสาวตวงเพ็ชรร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว ดังนั้น เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนคดีนี้แล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีจะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่
พิพากษายืน