แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์. ศาลพิพากษาว่าที่ดินไม่ใช่ของโจทก์. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง. คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา. ปรากฏว่าโจทก์ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย. และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความแทนโจทก์. โจทก์จะดำเนินคดีเองต่อไปไม่ได้. ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 24. ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดีของโจทก์เสีย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและครอบครองที่ดินสองโฉนด จำเลยได้เข้าใช้ที่ดินว่างเปล่าบางส่วนในที่ดิน 2 โฉนดนี้ โดยไม่มีสิทธิขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดิน 2 โฉนดตามฟ้อง เป็นของนายอุเทนเตชะไพบูลย์ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าจากนายอุเทน เตชะไพบูลย์ ขอให้ยกฟ้อง ศาลแพ่งฟังว่าที่พิพาทเป็นของนายอุเทน เตชะไพบูลย์ ให้จำเลยเช่า โจทก์มิได้มีกรรมสิทธิ์ ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา โดยเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีลักษณะเป็นคดีมีทุนทรัพย์ สั่งให้ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์พิพาทแล้วเรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์พิพาท 600,000 บาท ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 1 เดือน โจทก์ยื่นคำร้องว่าได้ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ตกเป็นคนยากจนไม่มีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลศาลชั้นต้นส่งคำร้องมาให้ศาลฎีกาสั่ง ศาลฎีกาสั่งว่า เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นบุคคลล้มละลาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจเข้าว่าคดีเอง ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ให้ศาลชั้นต้นแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปอย่างไรหรือไม่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ทรัพย์ของลูกหนี้และเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีล้มละลายดังกล่าว ก็ไม่ประสงค์จะให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดี จึงไม่ขอเข้าว่าความในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์แต่อย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความแทนโจทก์ผู้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว โจทก์จะดำเนินคดีเองไม่ได้ จึงให้จำหน่ายฎีกาของโจทก์เสีย.