คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาโจทก์อยู่กินกับจำเลยฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากเจ้าของ บิดาโจทก์ทำพินัยกรรมโอนสิทธิในที่เช่านั้นให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง พินัยกรรมนั้นไม่มีผลที่จะนำมาใช้ยันจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนายริด บัวมี มารดาโจทก์ตายไปนานแล้ว ต่อมานานริดได้จำเลยเป็นภริยาแล้วตายไปเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ ก่อนตายนายริดได้ทำพินัยกรรมไว้ ยกสิทธิที่ดินปลูกย้านซึ่งเช่าจากกรมศิลปากรให้โจทก์ครึ่งหนึ่งของเนื้อทีที่เช่า จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์ใช้สิทธิในที่ดินส่วนของโจทก์ ขอให้บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า นายริดไม่ใช่สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของจำเลย จำเลยแต่ผู้เดียวเป็นผู้เช่าที่ดินกับกรมศิลปากร นายริดไม่เคยทำสัญญาเช่าเลย จะทำพินัยกรรมยกสิทธิที่พิพาทให้โจทก์เช่าครึ่งหนึ่งหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายริดกับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์สินที่หามาได้ในระหว่างอยู่กินด้วยกันจึงมีสภาพเหมือนทรัพย์สินของหุ้นส่วน สิทธิการเช่าก็เป็นทรัพย์สิน นายริดมีส่วนอยู่ครึ่งหนึ่ง การที่นายริดทำพินัยกรรมยกสิทธิการเช่าที่จำเลยเช่ามาครึ่งหนึ่งให้โจทก์ จึงเป็นการทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินส่วนของตนให้แก่โจทก์ พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสิทธิการเช่าที่พิพาทเป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลยผู้เช่าแต่ผู้เดียวที่มีต่อกรมศิลปากร แม้นายริดจะเป็นสามีจำเลยก็ถือว่าเป็นบุคคลภายนอก จะเข้ามามีส่วนตามสัญญาเช่าด้วยไม่ได้ พินัยกรรมยกสิทธิการเช่าให้โจทก์เป็นอันไร้ผล พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์เป็นบุตรนายริดกับนางปิ่น นางปิ่นถึงแก่กรรม นายริดได้จำเลยเป็นภริยา แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากกรมศิลปากรเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ ต้องต่อกายุการเช่าทุกปี ครั้งสุดท้ายจำเลยทำสัญญาเช่าไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ นายริดถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ ในปีนั้นนายริดได้ทำพินัยกรรมไว้ ยกทรัพย์สินให้โจทก์ ข้อ ๓ ของพินัยกรรมมีว่า ที่ดินมีหนังสือแจ้งการครอบครองบนสันคู เป็นสภาพที่ปลูกบ้านอยู่อาศัยในจำนวนครึ่งหนึ่งของที่ดินทั้งหมด ที่ดินที่กล่าวนี้คือที่ดินที่จำเลยเช่าจากกรมศิลปากร
เห็นว่า ที่ดินที่พิพาทนี้เป็นของกรมศิลปากร นายริดย่อมไม่มีสิทธิที่จะทำพินัยกรรมยกที่ดินรายนี้ให้โจทก์ ส่วนที่ว่านายริดจะมีสิทธิในที่พิพาทที่จำเลยเช่ามาด้วยหรือไม่ นั้น เห็นว่า แม้จำเลยกับนายริดจะได้อยู่อาศัยในบ้านในที่นี้ด้วยกัน แต่จำเลยก็เป็นผู้เช่าที่พิพาทในนามของจำเลยแต่ผู้เดียว หาได้ทำสัญญาเช่าแทนนายริดหรือทำเพื่อนายริดด้วยไม่ การเช่าของจำเลยเป็นสิทธิตามสัญญา ซึ่งเป็นสิทธิของจำเลยโดยเฉพาะ แม้นายริดจะเป็นสามีจำเลย ก็เป็นบุคคลภายนอกจะเข้ามามีสิทธิตามสัญญาด้วยหาได้ไม่ พินัยกรรมของนายริดในข้อนี้จึงไม่มีผลจะมาใช้ยันจำเลยได้
พิพากษายืน

Share