แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนไปเช่าตึกเพื่อดำเนินกิจการของห้าง แม้ต่อมาหุ้นส่วนคนหนึ่งจะได้รับโอนกิจการทั้งหมดไว้แต่ผู้เดียวก็ดี เมื่อผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยออกจากสถานที่เช่าย่อมขับไล่ผู้รับโอนกิจการของหุ้นส่วนนั้นได้ โดยถือว่าเป็นบริวารของจำเลยผู้เช่า ผู้รับโอนจะอ้างว่าจำเลยไปทำสัญญาแทนห้างหุ้นส่วนไม่ได้
ย่อยาว
ความว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากสถานที่เช่า จำเลยและบริวารหลายคนได้ออกไปแล้วคงเหลือแต่ ต. ผู้เดียว ต. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่ามิได้เป็นบริวารของจำเลย ความจริงผู้ร้องและจำเลยกับคนอื่นได้เข้าหุ้นส่วนกันตั้งร้านค้าใช้ยี่ห้อว่ “เฮ่งไถ่” และได้เช่าตึกโจทก์ ก่อนครบกำหนดเช่า จำเลยและหุ้นส่วนอื่นได้โอนกิจการให้ผู้ร้องแต่ผู้เดียว โจทก์ได้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อกฎหมายในเบื้องต้น โดยไม่ต้องไต่สวน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามสัญญาเช่าท้ายฟ้องปรากฎในวงเล็บว่าจำเลยเป็นตัวการทีเดียว จึงสั่งยกคำร้องของ ต.และบังคับ ต.กับบริวารให้ออกจากห้องพิพาทใน ๕ วัน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนและเป็นบริวารของจำเลย พิพากษายืน
นายตันจิงอุย ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ยี่ห้อเฮ่งไถ่ไม่ใช่นิติบุคคล ผู้ร้องจะอ้างว่าจำเลยทำสัญญาแทนยี่ห้อเฮ่งไถ่ไม่ได้ ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้เช่าที่ผู้ร้องอ้างในชั้นนี้ว่าตนเป็นเจ้าของยี่ห้อเฮ่งไถ่แต่ผู้เดียว มิได้ทำให้หน้าที่และความรับผิดตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเปลี่ยนแปลงไป ผู้ร้องเข้าอยู่ได้โดยอาศัยอำนาจการเช่าของจำเลย จะอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนหรืออะไรก็ตามที แต่ตามลักษณะการอยู่ในดรงเรือนตามกฎหมายต้องถือว่าอยู่ในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า
พิพากษายืน