คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6898/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265,268วรรคสอง,341เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา268วรรคสองซึ่งเป็นบทหนักที่สุดจำคุก2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264วรรคสองประกอบมาตรา83จำคุก6เดือนคดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219 จำเลยที่2และผู้เสียหายทราบแล้วว่าย. ถึงแก่ความตายแต่จำเลยที่2ยังนำหนังสือมอบอำนาจซึ่งยังมิได้กรอกข้อความคงมีแต่ลายพิมพ์นิ้วมือของย. ในช่องผู้มอบอำนาจเรียบร้อยแล้วมาบอกให้ส. กรอกข้อความส. กรอกข้อความว่าย. มอบอำนาจให้จำเลยที่1ขายที่ดินแทนการกระทำของจำเลยที่2เป็นการกระทำโดยพลการเพื่อให้จำเลยที่1นำหนังสือมอบอำนาจไปใช้ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับผู้เสียหายแม้เป็นการกระทำที่ตรงกับความประสงค์ของย. ก็ตามแต่การมอบอำนาจยังไม่สมบูรณ์เมื่อผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายการมอบอำนาจก็สิ้นผลแต่จำเลยที่2กลับทำให้การมอบอำนาจซึ่งยังมิได้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ดูเสมือนเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ด้วยการกรอกข้อความการกระทำดังกล่าวแม้ผู้เสียหายจะไม่เสียหายแต่ก็อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนดังนี้การกระทำของจำเลยที่2จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,264, 265, 341 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินจำนวน 68,000 บาทแก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1080/2535 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธแต่จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก, 341 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268 วรรคสอง, 341 จำเลยที่ 2 ใช้เอกสารปลอมซึ่งตนเองทำปลอมขึ้น กฎหมายให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 268 วรรคสองแต่กระทงเดียว การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการทำและใช้เอกสารปลอมด้วยเจตนาที่จะฉ้อโกงผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก และให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินจำนวน68,000 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1080/2535 ของศาลชั้นต้นยกคำขออื่น
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83จำคุก 6 เดือน ให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1080/2535 ของศาลชั้นต้น ยกข้อหาและคำขออื่นและให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268 วรรคสอง, 341เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 จำคุก 6 เดือน คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมามีว่า จำเลยที่ 2 และผู้เสียหายทราบแล้วว่านางยี่เหนี้ยถึงแก่ความตาย ต่อมาวันที่ 14 มีนาคม 2534จำเลยที่ 2 นำหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งยังมิได้กรอกข้อความคงมีแต่ลายพิมพ์นิ้วมือของนางยี่เหนี้ยในช่องผู้มอบอำนาจเรียบร้อยแล้วมาบอกให้นายสุจินต์ น้ำใส กรอกข้อความ นายสุจินต์กรอกข้อความว่านางยี่เหนี้ยมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายที่ดินแทนการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการกระทำโดยพลการ เพื่อให้จำเลยที่ 1นำหนังสือมอบอำนาจไปใช้ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ตรงกับความประสงค์ของนางยี่เหนี้ยคดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง หรือไม่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง บัญญัติว่า ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้นถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสารต้องระวางโทษเช่นเดียวกันศาลฎีกาเห็นว่า การมอบอำนาจยังไม่สมบูรณ์เมื่อผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายการมอบอำนาจก็สิ้นผล แต่จำเลยที่ 2 กลับทำให้การมอบอำนาจซึ่งยังมิได้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ดูเสมือนเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ด้วยการกรอกข้อความ การกระทำดังกล่าวแม้ผู้เสียหายจะไม่เสียหายแต่ก็อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคสอง
อย่างไรก็ดีเมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายรู้ว่าผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายก่อนแล้วยังยอมให้มีการกรอกข้อความในใบมอบอำนาจขึ้นทั้งผู้เสียหายก็มิได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดจึงไม่สมควรลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงจำคุก
พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share