คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เช่าทรัพย์สินของลูกหนี้ผิดนัดชำระค่าเช่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบแล้ว การที่ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่ให้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่ากับค่าเสียหายจากผู้เช่าและผู้ค้ำประกัน โดยหวังว่าจะได้เงินค่าเช่าในอนาคตจนครบระยะเวลาเช่า จึงขัดต่อประโยชน์อันร่วมกันของเจ้าหนี้ทั้งหลายอันจะพึงได้รับจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ซึ่งมีสิทธิได้รับค่าเช่าที่ค้างชำระและค่าเสียหายจากผู้เช่าและผู้ค้ำประกัน เพราะเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงเจ้าหนี้ย่อมไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์จากค่าเช่าในอนาคต.

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 26กรกฎาคม 2526 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ได้ทำสัญญาเช่าอู่ลอยของลูกหนี้กับบริษัทเอเซียลิสโฮลด์ จำกัด โดยมีธนาคารเอเซีย จำกัด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เป็นผู้คำ้ประกัน ต่อมาผู้เช่าและผู้ค้ำประกันไม่เคยชำระค่าเช่าและค่าเสียหายต่อเจ้าพนักงานพิททักษ์ทรัพย์เลยจึงได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่า พร้อมกับเรียกให้ผู้เช่าและผู้ค้ำประกันชำระค่าเช่าและค่าเสียหายแต่คงเพิกเฉยครั้นวันที่ 8 สิงหาคม 2529 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ได้นัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 3 เพื่อพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่ฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกันดังกล่าว ที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ออกเสียงลงมติของเจ้าหนี้ฝ่ายที่มีจำนวนหนี้ข้างมากไม่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกันเกี่ยวกับค่าเช่าและค่าเสียหาย ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่ามติที่ประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวขัดต่อประโยชน์อันร่วมกันของเจ้าหนี้ทั้งหลาย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ปฏิบัติตามมติที่ไม่ให้ผู้ร้องฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกันเสีย และมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องฟ้องเรียกค่าเช่าและค่าเสียหายตามสัญญาเช่าและค้ำประกันต่อไป
บริษัทธนาคารเอเซีย จำกัด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ และเป็นเจ้าหนี้รายที่ 12 และ ที่ 13 ยื่นคำคัดค้านว่า เนื่องจากบริษัทเอศียลิสโฮลด์ จำกัด ผู้เช่าอู่ลอยของลูกหนี้ได้ของดการชำระค่าเช่าต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หลายครั้งแล้ว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นำเรื่องการของดค่าเช่าเสนอที่ประชุมเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2528 การประชุมเจ้าหนี้ครั้งนี้ได้มีการคัดค้านการออกเสียงของเจ้าหนี้รายที่ 8 ซึ่งศาลยังมิได้มีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้เจ้าหนี้รายที่ 8ออกเสียงไปพลางก่อน มติของที่ประชุมเจ้าหนี้ในครั้งนี้จึงยังไม่เด็ดขาด โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งให้บริษัทเอเซียลิสโฮลด์จำกัด ผู้เช่านำเงินค้าเช่าไปชำระภายใน 7 วัน ภายหลังจากวันประชุมเจ้าหนี้แล้ว บริษัทเอเซียลิสโฮลด์ จำกัด ได้แสดงเจตนาที่จะชำระค่าเช่าในอัตราเดือนละ 300,000 บาท ตามสัญญาตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2528 เป็นต้นไป แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ยอมรับและได้นัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม2529 เพื่อพิจารณาเรื่องที่จะฟ้องผู้เช่าอู่ลอยและผู้ค้ำประกันหรือไม่ ผลการประชุมเจ้าหนี้ครั้งนี้เจ้าหนี้ฝ่ายที่มีจำนวนหนี้ข้างมากลงมติไม่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกัน เพราะผู้เช่าขอชำระค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2528เป็นต้นไป หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยอมรับหรือจัดให้มีการประชุมเจ้าหนี้พิจารณาตามคำขอของผู้เช่าแล้วก็จะไดัรับเงินคิดถึงปัจจุบันเป็นเงิน 2,700,000 บาท ทั้งจะได้รับค่าเช่าตามสัญญาอีกเดือนละ 300,000 บาท ตลอดไปนับว่าเป็นประโยชน์แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ อนึ่งหากศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ และดำเนินคดีกับผู้เช่าและผู้ค้ำประกันแล้ว นอกจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้จะไม่ได้รับค่าเช่าที่ควรจะได้รับแล้ว ยังจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นเงินจำนวนมาก และไม่แน่นอนว่าจะชนะคดีหรือจะได้รับชดใช้ค่าเช่าค่าเสียหายหรือไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้มีการปฏิบัติตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2529 โดยให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้ที่ 1 ฟ้องเรียกค่าเช่าและค่าเสียหายตามสัญญาเช่าและค้ำประกันฉบับลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2526 จากผู้เช่าและผู้ค้ำประกันต่อไปได้
เจ้าหนี้รายที่ 12, ที่ 13 และที่ 17 ผู้คัดค้านอุทธรณ์ขอให้ยกคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้รายที่ 12, ที่ 13 และที่ 17 ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังเป็นยุติได้ว่าหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ทั้งสองเด็ดขาดแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำสัญญาให้บริษัทเอเซียลิสโฮลด์ จำกัดเช่าอู่ลอยของบริษัทลูกหนี้ที่ 1 มีกำหนด 20 ปี อัตราค่าเช่าเดือนละ 300,000 บาท โดยมีเจ้าหนี้รายที่ 12 และที่ 13 ผู้คัดค้านเป็นผู้ค้ำประกันผู้เช่าในวงเงิน 900,000 บาท ผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนดในสัญญาตลอดมา แต่กลับทำหนังสือถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของให้งดเก็บค่าเช่าที่ล่วงมาอ้างว่าอู่ลอยชำรุด ต้องใช้เวลาซ่อมมาก เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงนำปัญหานี้เข้าสู่ที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 2 ในการประชุมปัญหานี้ เจ้าหนี้รายที่ 17 ผู้คัดค้านได้แถลงคัดค้านการออกเสียของเจ้าหนี้รายที่ 8 เพราะศาลยังมิได้มีคำสั่งให้รับชำระหนี้ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้อนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 8 ออกเสียไปพลางก่อน เมื่อลงมติแล้วเจ้าหนี้รายที่ 8, ที่ 9 และที่ 10 รวมจำนวนหนี้ได้ 34,932,273.43บาท มีมติให้ดำเนินการเรียค่าเช่าที่ผู้เช่ายังไม่ชำระ กับมิให้งดเก็บค่าเช่าตามที่ผู้เช่าขอส่วนเจ้าหนี้รายที่ 16, ที่ 17 และที่ 19 รวมจำนวนหนี้ได้ 33,355,122.12 บาท มีมติให้งดเก็บค่าเช่าแต่เป็นมติของเจ้าหนี้เสียงข้างน้อย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าและผู้ค้ำประกันชำระค่าเช่า ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.พ.ท 7, 9, 11 และ 13 และบอกเลิกการเช่าต่อผู้เช่าดังหนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2529แต่ผู้เช่าและผู้ค้ำประกันเพิกเฉย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2529 เพื่อพิจารณาฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกัน ในระหว่างประชุม เจ้าหนี้รายที่ 17 ผู้คัดค้านแถลงว่า ในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 2 ที่เจ้าหนี้รายที่ 8 ออกเสียเป็นจำนวนหนี้ 32,222,331.34 บาท นั้นต่อมาศาลมีคำสั่งให้เจ้าหนี้รายที่ 8 รับชำระหนี้ได้เพียง14,438,223.03 บาท เจ้าหนี้รายที่ 8 มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาล มีแต่บริษํทลูกหนี้ที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 8 จึงขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นับเสียงในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 2 ใหม่ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ยอมนับเสียงในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 2 ใหม่ เจ้าหนี้รายที่ 17ได้ร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำรัองของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด เจ้าหนี้รายที่ 17ไม่อุทธรณ์จึงเป็นอันยุติ สำหรับการประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 3 เรื่องฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกัน เจ้าหนี้ที่รวมจำนวนหนี้ข้างมากมีมติไม่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกันคดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า มติของที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 3 ขัดต่อประโยชน์อันร่วมกันของเจ้าหนี้ทั้งหลายหรือไม่ข้อนี้เจ้าหนี้ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกาขอให้ยกคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยอ้างว่า มติของที่ประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นประโยชน์อันร่วมกันของเจ้าหนี้ทั้งหลายอยู่แล้ว เพราะหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินคดีและฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากบริษัทเอเซียลิสโฮลด์ จำกัด ผู้เช่า ก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะชนะคดีทั้งประโยชน์ที่เจ้าหนี้จะได้รับก็เป็นเพียงเงินค่าเสียหายเดือนละ 300,000 บาท ตั้งแต่วันผิดนัดจนถึงวันส่งมอบอู่ลอย ซึ่งจะบังคับคดีได้หรือไม่ก็ยังเป็นการเลื่อนลอย แต่หากยอมให้บริษัทเอเซียลิสโฮลด์ จำกัด ได้เช่าต่อไปตามสัญญาเช่าเจ้าหนี้จะได้รับประโยชน์จากเงินค่าเช่าเดือนละ 300,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2528 จนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 เป็นเวลา17 ปี 7 เดือนเศษ เป็นเงินถึง 63,300,000 บาทเศษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายอย่างมากมาย นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2528ได้ลงมติไม่ยอมให้บริษัทเอเซียลิสโฮลด์ จำกัด ผู้เช่างดค่าเช่าที่ค้างชำระ และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์บังคับผู้เช่าและผู้ค้ำประกันต่อไป และมติของที่ประชุมดังกล่าวได้ถึงที่สุดแล้วโดยไม่มีการคัดค้านว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใด ทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าอู่ลอยดังกล่าวไปยังผู้เช่าเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 โดยชอบแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้สัญญาเช่าอู่ลอยดังกล่าสิ้นสุดลง สิทธิที่เจ้าหนี้จะได้รับประโยชน์จากเงินค่าเช่าเดือนละ 300,000 บาท เป็นเวลา 17 ปี7 เดือนเศษ เป็นเงินถึง 63,300,000 บาทเศษ ตามที่เจ้าหนี้ผู้คัดค้านกล่าวอ้างมาในฎีกาจึงไม่อาจมีขึ้นได้มติของที่ประชุมเจ้าหนี้ที่ไม่ให้ฟ้องผู้เช่าและผู้ค้ำประกันจึงขัดต่อประโยชน์อันร่วมกันของเจ้าหนี้ทั้งหลายอันจะพึงได้รับจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับค่าเช่าที่ค้างชำระ และค่าเสียหายจากผู้เช่าและผู้ค้ำประกัน…”
พิพากษายืน.

Share