คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6882/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะที่เป็นนายจ้างของผู้ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย และในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและผู้ใช้ประโยชน์ในรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวที่ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย และตามคำฟ้องของโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดระบุให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งเป็นนายจ้างของผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ การที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยในฐานะผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดรับผิดต่อโจทก์ จึงเป็นการพิพากษานอกฟ้องหรือเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 246

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2537 โจทก์ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ขนของจากกรุงเทพมหานคร ไปยังจังหวัดนครสวรรค์ จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 80-8209 นครสวรรค์ ขนของไปตามถนนสายเอเซียด้วยความประมาท เมื่อถึงอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เฉี่ยวชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-6168กำแพงเพชร พ่วงรถหมายเลขทะเบียน 80-7112 กำแพงเพชร ขับโดยลูกจ้างซึ่งกระทำการในทางการที่จ้างหรือคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 และด้วยความประมาทของผู้ขับรถพ่วงด้วยเช่นกัน ทำให้ทรัพย์สินที่โจทก์ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ขนส่งเสียหาย เป็นเงิน 761,554 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่โจทก์ได้รับความเสียหายถึงวันฟ้องเป็นเงิน 57,116 บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 818,670 บาท โจทก์ทวงถาม แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 818,670 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดประเสริฐชัยสลกบาตร ชำระเงิน 696,216.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 21 มกราคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม2537 โจทก์ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ขนของจากกรุงเทพมหานครไปส่งที่จังหวัดนครสวรรค์ ขณะที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-8209 นครสวรรค์ บรรทุกสิ่งของที่รับขนไปตามถนนสายเอเซีย ถึงอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาทรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์บรรทุกน้ำมันหมายเลขทะเบียน80-6168 กำแพงเพชร พ่วงรถหมายเลขทะเบียน 80-7112 กำแพงเพชรเป็นเหตุให้สิ่งของที่รับขนได้รับความเสียหาย

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดประเสริฐชัยสลกบาตรรับผิดต่อโจทก์ เป็นการพิพากษานอกฟ้องหรือเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องหรือไม่นั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างของผู้ขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันหมายเลขทะเบียน80-6168 กำแพงเพชร พ่วงรถหมายเลขทะเบียน 80-7112 กำแพงเพชร ซึ่งกระทำไปในทางการที่จ้างหรือตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 และในฐานะเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและผู้ใช้ประโยชน์ในรถยนต์บรรทุกน้ำมันคันดังกล่าว ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดประเสริฐชัยสลกบาตร ซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 รับผิดในส่วนนี้จึงเป็นการพิพากษานอกฟ้องหรือเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 246

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share