แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ก่อนคดีนี้จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมาแล้ว 2 ครั้ง นอกจากนั้นจำเลยเคยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหาจอดรถกีดขวางทางจราจรมาแล้วประมาณ 10 ครั้ง คดีนี้จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายถึง 2 คน แม้จำเลยมีฐานะยากจน ต้องอุปการะเลี้ยงดูภริยากับบุตรผู้เยาว์ในวัยเรียน 2 คน กับบิดาซึ่งชราภาพ แต่เมื่อพิเคราะห์ประวัติความผิดประกอบพฤติการณ์แห่งความผิดแล้ว ยังไม่เห็นสมควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกหกล้อหมายเลขทะเบียน 80 – 7766 สงขลา ไปตามถนนเพชรเกษม ด้วยความเร็วสูงเกินสมควรจนไม่สามารถหยุดรถหรือชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงได้ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง นายพงษ์เทพ ทองศรีนวล ขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน สงขลา 6 ก – 1361 มีนายพินิจ แซ่จอง นั่งซ้อนท้ายแล่นสวนทางมา จำเลยยังคงขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยความเร็วสูงเกินสมควร แล้วเร่งความเร็วเข้าสู่ทางโค้งดังกล่าวทันที ทำให้รถยนต์คันที่จำเลยขับเสียหลักแล่นแฉลบไปทางด้านขวามือและล้ำเข้าไปในช่องเดินรถของนายพงษ์เทพ เป็นเหตุให้รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันอย่างแรงได้รับความเสียหาย ทั้งนายพงษ์เทพและนายพินิจถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157,160
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43(4), 157 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมาแล้ว 2 ครั้ง นอกจากนั้นจำเลยเคยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหาจอดรถกีดขวางทางจราจรมาแล้วประมาณ 10 ครั้ง สำหรับคดีนี้ จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายถึง 2 คน คือ นายพงษ์เทพทองศรีนวล อายุ 16 ปี กำลังศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 แผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยการอาชีพนาทวี กับนายพินิจ แซ่จอง อายุ 17 ปีกำลังศึกษาในระดับมัธยมต้น ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกลุ่มบ้านคลองแงะอำเภอสะเดา ซึ่งมีอาชีพช่วยมารดากรีดยาง เห็นว่า แม้จำเลยมีฐานะยากจน ต้องอุปการะเลี้ยงดูภริยากับบุตรผู้เยาว์ในวัยเรียน 2 คน กับบิดาซึ่งชราภาพ แต่เมื่อพิเคราะห์ประวัติความผิดประกอบพฤติการณ์แห่งความผิดแล้ว ยังไม่สมควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ใช้ดุลพินิจวางโทษจำคุกมานั้นเหมาะสมแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน