คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6880/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา195จะบัญญัติให้นำบททั่วไปแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับแก่การชี้ขาดตัดสินคดีมโนสาเร่ด้วยก็ตามแต่การจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88เรื่องกำหนดเวลายื่นบัญชีระบุพยานมาใช้บังคับแก่คดีมโนสาเร่ก็ต้องนำมาใช้ให้เหมาะสมแก่สภาพของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีมโนสาเร่แต่ละคดีด้วย วิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่มีบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา193ที่ให้สิทธิจำเลยยื่นคำให้การในวันที่มาศาลตามหมายเรียกของศาลหรือในวันอื่นต่อมาตามแต่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้โดยต้องมิให้เป็นการเสียหายแก่การต่อสู้คดีของจำเลยเมื่อคดีนี้ตามหมายเรียกของศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยมาศาลเพื่อให้การแก้ข้อหาในวันที่31พฤษภาคม2536และนัดสืบพยานในวันดังกล่าวด้วยจำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำให้การและยื่นบัญชีระบุพยานในวันนัดสืบพยานได้แต่จำเลยยื่นคำให้การวันที่28พฤษภาคม2536แม้จำเลยจะยื่นบัญชีระบุพยานมาในวันดังกล่าวด้วยก็มิอาจเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลาที่มาตรา88วรรคสองกำหนดไว้ได้เนื่องจากศาลชั้นต้นได้ทำการสืบพยานโจทก์ไปในวันที่31พฤษภาคม2536นั้นเองและเมื่อศาลชั้นต้นเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในวันที่2กรกฎาคม2536จำเลยก็ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยไว้แต่เมื่อศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่สั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับจำเลยก็ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลจึงเป็นกรณีที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ได้จงใจฝ่าฝืนไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อมิให้เป็นการเสียหายแก่การต่อสู้คดีของจำเลยและเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมศาลควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานและรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88วรรคสี่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็ค 2 ฉบับจำนวนเงินฉบับละ 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นต้นไป
ศาลชั้นต้นรับฟ้องและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างคดีมโนสาเร่โดยนัดให้จำเลยยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 31 พฤษภาคม2536
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 31 พฤษภาคม 2536 ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก แล้วเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในวันที่2 กรกฎาคม 2536 วันที่ 29 มิถุนายน 2536 จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับบัญชีระบุพยานจำเลย และมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับบัญชีระบุพยานจำเลย เนื่องจากไม่ได้ยื่นภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด วันที่ 18สิงหาคม 2536 จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานพร้อมกับยื่นบัญชีระบุพยานมาด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องและสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลยแล้วมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 20,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 195 จะบัญญัติให้นำบททั่วไปแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับแก่การชี้ขาดตัดสินคดีมโนสาเร่ด้วยก็ตาม แต่การจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 เรื่องกำหนดเวลายื่นบัญชีระบุพยานมาใช้บังคับแก่คดีมโนสาเร่ ก็ต้องนำมาใช้ให้เหมาะสมแก่สภาพของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีมโนสาเร่แต่ละคดีด้วยดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 ที่ให้สิทธิจำเลยยื่นคำให้การในวันที่มาศาลตามหมายเรียกของศาลหรือในวันอื่นต่อมาตามแต่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้ โดยต้องมิให้เป็นการเสียหายแก่การต่อสู้คดีของจำเลย เมื่อคดีนี้ตามหมายเรียกของศาลชั้นต้นลงวันที่ 18 มีนาคม 2536 ที่ออกหมายเรียกไปยังจำเลยกำหนดให้จำเลยมาศาลเพื่อให้การแก้ข้อหาในวันที่ 31 พฤษภาคม 2536 และนัดสืบพยานในวันดังกล่าวด้วยจำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำให้การและยื่นบัญชีระบุพยานในวันนัดสืบพยานได้ แต่จำเลยยื่นคำให้การวันที่ 28 พฤษภาคม 2536ก่อนเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การ แม้จำเลยจะยื่นบัญชีระบุพยานมาในวันดังกล่าวด้วยก็มิอาจเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลาที่มาตรา 88 วรรคสอง กำหนดไว้ได้ เนื่องจากศาลชั้นต้นมิได้เลื่อนวันสืบพยานออกไป แต่ได้ทำการสืบพยานโจทก์ไปในวันที่ 31 พฤษภาคม 2536 นั้นเอง และเมื่อศาลชั้นต้นเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในวันที่ 2 กรกฎาคม 2536 จำเลยก็ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลในวันที่ 29 มิถุนายน 2536 ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยไว้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่สั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับจำเลยก็ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล โดยอ้างว่าจำเลยไม่ได้จงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง ที่ให้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน แต่เป็นกรณีที่จำเลยไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานได้ตามกำหนดเวลาดังกล่าว เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ซึ่งจำเลยสามารถยื่นคำให้การต่อสู้คดีในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้และโจทก์ได้สืบพยานในวันนัดโดยมิได้มีการเลื่อนคดีนั้น จึงเป็นกรณีที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าจำเลยมิได้จงใจฝ่าฝืนไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นการเสียหายแก่การต่อสู้ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 วรรคหนึ่ง และเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจึงมีเหตุสมควรที่จะรับบัญชีระบุพยานของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสี่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 18 สิงหาคม 2536 ที่ขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยาน ไม่รับบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 18 สิงหาคม 2536และให้งดสืบพยานจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 18 สิงหาคม 2536 ของจำเลยไว้และสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share