แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์โดยไม่ทราบว่าจะต้องค้าประเวณีแต่เชื่อคำชักชวนของจำเลยว่าจะได้รับเงินเดือนและค่าทิป ทำงานเฉพาะเสิร์ฟอาหารอย่างเดียวแต่เมื่อผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์แล้วถูกเจ้าของบาร์บังคับให้ค้าประเวณี คำชักชวนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงให้เห็นว่านอกจากได้รับเงินเดือนแล้วยังได้รับค่าทิปด้วยทั้งระบุถึงงานที่จะต้องทำอันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายสมัครใจไปทำงาน นับได้ว่าเป็นการใช้อุบายหลอกลวงแล้ว เมื่อผู้เสียหายตกลงไปทำงานตามคำชักชวน แต่กลับต้องไปทำงานค้าประเวณี จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และ มาตรา 283วรรคแรก ลงโทษบทหนักตามมาตรา 283 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คนที่หลบหนี เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งนางสาวดอกอ้อ วงษ์ดี ผู้เสียหาย โดยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะพาไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ปาดังเบซาร์จะได้รับเงินเดือนและค่าทิปจำนวนมาก ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและไปกับจำเลยกับพวกดังกล่าว แล้วจำเลยกับพวกบังคับผู้เสียหายให้ร่วมประเวณีกับชายซึ่งเข้าไปเที่ยวในบาร์หลายคนหลายครั้งเป็นการพาผู้เสียหายไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของชายดังกล่าว อันเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายและใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 วรรคแรก ให้จำคุกจำเลย 2 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และมาตรา 283 วรรคแรกให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 5 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นธุระจัดหาหรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อให้ค้าประเวณี แล้ววินิจฉัยว่า การที่ผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์ดิสโกมิดสกายโดยไม่ทราบว่าจะต้องค้าประเวณีแต่เชื่อคำชักชวนของจำเลยว่า จะได้รับเงินเดือน 600-700 บาทไม่รวมค่าทิป และให้ทำงานเฉพาะเสิร์ฟอาหารอย่างเดียว แต่เมื่อผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์แล้วถูกเจ้าของบาร์บังคับให้ค้าประเวณีคำชักชวนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงให้เห็นว่านอกจากได้รับเงินเดือนแล้วยังได้รับค่าทิปด้วย ทั้งระบุถึงงานที่จะต้องทำอันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายสมัครใจไปทำงาน นับได้ว่าเป็นการใช้อุบายหลอกลวงแล้วเมื่อผู้เสียหายตกลงไปทำงานตามคำชักชวน แต่กลับต้องไปทำงานค้าประเวณีจำเลยย่อมกระทำผิดโดยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหาย
พิพากษายืน