คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้ขวดสุราตีและใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายมีบาดแผลทั้งสิ้น5แผลคือที่หน้าผากด้านขวายาวประมาณ2.5ซ.ม.หน้าผากด้านซ้ายยาวประมาณ3ซ.ม.เหนือหูขวายาวประมาณ3ซ.ม.แขนซ้ายยาวประมาณ2ซ.ม.อกด้านซ้ายยาวประมาณ1ซ.ม.เฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายซึ่งลึกประมาณ1ซ.ม.เพียงแต่ถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธมิได้ถูกกระดูกแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน7วันบาดแผลที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายแต่ละแผลไม่อาจทำให้ผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เมื่อเกิดเหตุแล้วมีคนมาจับจำเลยไว้และขอร้องไม่ให้แทงผู้เสียหายอีกจำเลยก็ยอมเชื่อฟังกรณีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าคงผิดแต่เพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ให้จำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วนมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุก 1 ปี จำเลยรับว่าได้ใช้ขวดตีผู้เสียหายเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าหรือไม่ ที่จำเลยแถลงว่าจำเลยมิได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายนั้น ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหาย นายบุญยืน นายสุกิจ ซึ่งร่วมรับประทานอาหารและดื่มสุราอยู่ด้วยกันกับจำเลยในขณะเกิดเหตุว่าจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายด้วย ส่วนจำเลยมิได้นำสืบถึงเรื่องจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายเลย บาดแผลของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยใช้ขวดสุราตีและใช้มีดปลายแหลมแทงนั้น นายแพทย์มนูญ ผู้ทำการตรวจชันสูตรบาดแผลบันทึกไว้ว่ามีอยู่ทั้งสิ้น 5 แผล คือที่หน้าผากด้านขวายาวประมาณ2.5 เซนติเมตร หน้าผากด้านซ้ายยาวประมาณ 3 เซนติเมตร เหนือหูขวายาวประมาณ 3 เซนติเมตร แขนซ้ายยาวประมาณ 2 เซนติเมตร อกด้านซ้ายยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกประมาณ 1 เซนติเมตร รักษาหายภายใน 7 วันเฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายซึ่งลึกประมาณ 1 เซนติเมตรนั้นเพียงแต่ถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธที่ใช้ทำร้ายมิได้ถูกกระดูก ดังนี้ เห็นได้ว่าบาดแผลที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายแต่ละแผลนั้นไม่อาจทำให้ผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงแก่เสียชีวิตได้ อนึ่งบาดแผลของผู้เสียหายดังกล่าวโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้ขวดสุราตีถูกที่หน้าผาก 1 ครั้ง ใช้มีดปลายแหลมแทงถูกแขนซ้าย 1 ครั้ง และอกด้านซ้าย 1 ครั้งเท่านั้น เมื่อเกิดเหตุแล้วนายบุญยืนจับจำเลยไว้และขอร้องไม่ให้แทงผู้เสียหายอีก จำเลยก็ยอมเชื่อฟังมิได้ไล่แทงทำร้ายผู้เสียหายต่อไป ตามลักษณะบาดแผลของผู้เสียหายและพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ที่เกิดทำร้ายกันขึ้นก็เนื่องมาจากเหตุต่อว่าต่อขานกันในวงสุราด้วยเรื่องจำเลยเป็นสายลับให้ตำรวจหรือไม่ แล้วเกิดโทสะทำร้ายกันเท่านั้นจำเลยจึงมีความผิดเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.”

Share