แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
โจทก์เป็นเทศบาลเมือง ซึ่งตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 50(2),53 บัญญัติให้มีหน้าที่จัดให้มีและบำรุงทางบกทางน้ำ. ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกทางสาธารณะในเขตเทศบาลของตนได้.
ทางสาธารณะในเขตเทศบาลซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกนั้น. โจทก์จะได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงหรือไม่. และจะได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้หรือไม่. ไม่เป็นสารสำคัญ.
จำเลยซื้อที่ดินมาจากผู้อื่น. ในหนังสือสัญญาซื้อขายระบุว่า ทิศใต้ติดทางสาธารณะ. การที่โจทก์นำสืบพยาน(บุคคล) ว่า ทางสาธารณะนั้นมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใด แม้จะทำให้เนื้อที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างไปบ้าง.โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้. เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายอาจคลาดเคลื่อน. หรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะก็เป็นได้.
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทางสาธารณะอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินจำเลยต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่8-9/2512).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเทศบาล เป็นนิติบุคคล และได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่อยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองตรัง ตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย จำเลยได้ตัดกอไม้ไผ่ตงอันเป็นเครื่องหมายแนวเขตทางสาธารณะ ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองตรัง ปลูกสร้างห้องแถวรุกล้ำทางสาธารณะและได้กั้นรั้วลวดหนามปิดปากทางสาธารณะ ขอให้ขับไล่จำเลย ห้ามเกี่ยวข้อง กับให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยปลูกสร้างในที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องว่าจำเลยบุกรุกทางสาธารณะ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามที่เป็นอำนาจดูแลจัดการของนายอำเภอตามมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปห้ามเกี่ยวข้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยบุกรุกที่พิพาทซึ่งเป็นทางสาธารณะในเขตเทศบาลเมืองตรัง ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เทศบาลโจทก์มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 50(2), 53 เพราะโจทก์ซึ่งเป็นเทศบาลเมือง มีหน้าที่จัดให้มีและบำรุงทางบกทางน้ำในเขตเทศบาลของตน เมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้ว ในประเด็นต่อไปที่จำเลยฎีกาว่าทางสาธารณะรายนี้เทศบาลโจทก์มิได้รับมอบหมายจากกรมทางหลวงและมิได้ขึ้นทะเบียนตามคำสั่งที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้นั้น จึงหาใช่สารสำคัญไม่ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ทางสาธารณะรายพิพาทมิได้ขึ้นทะเบียนโจทก์สืบพยานบุคคลแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญาซื้อขายท้ายฟ้องซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายแล้วไม่ได้นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินของจำเลยระบุไว้ชัดว่า ทิศใต้ติดทางพลีหรือทางสาธารณะ การที่โจทก์นำสืบว่า ทางพิพาทมีอาณาเขตกว้างยาวเท่าใดแม้จะทำให้เขตที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายลดความกว้างลงไปบ้างโจทก์ชอบที่จะนำสืบได้เพราะด้านกว้างและด้านยาวตามหนังสือสัญญาซื้อขายนั้น อาจผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้หรือคู่สัญญาที่ซื้อขายอาจนำรังวัดรุกล้ำแนวทางสาธารณะเข้าไปก็เป็นได้ จำเลยจะขอถือเป็นยุติตามความกว้างยาวที่ปรากฏในหนังสือสัญญาซื้อขายนั้นหาชอบไม่ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306 พิพากษายืน.