คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกิน มิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาท เมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาท โจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟัง เป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว แม้โจทก์อายุมาก ทำนาเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอมกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมโอนระหว่างนายคอยและจำเลยที่ 1 เสียได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตรโจทก์ ได้ใช้อุบายหลอกลวงนายคอยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของนาแทนโจทก์ว่า จำเลยที่ ๑ อยากก่อสร้างหัวนาที่โจทก์แบ่งแยกให้ทำกิน ขอให้นายคอยลงชื่อในแบบพิมพ์เพื่อไปยื่นอำเภอขออนุญาตถางป่า นายคอยลงชื่อให้ไป จำเลยที่ ๑ ประกาศโอนขายที่นาให้จำเลยที่ ๒ ปรากฏว่าแบบพิมพ์ที่จำเลยที่ ๑ เอาให้นายคอยลงนามเป็นสัญญายกที่นาให้จำเลย และหนังสือโอนที่นาให้จำเลย จำเลยที่ ๑ ได้ให้จำเลยที่ ๒ บุกรุกเอาไถคราดเข้ายึดครองที่พิพาท ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและให้ใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอยกับจำเลยที่ ๑ เสีย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ได้ให้นายคอยโอนให้เป็นการเด็ดขาด ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยทั้งสอง คำขออื่นให้ยก
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ได้ความว่าโจทก์มอบหมายให้นายคอยไปโอนแทนโดยชอบอย่างไร นายคอยไม่มีอำนาจโอน โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่
โจทก์ฎีกาว่า ในเรื่องค่าเสียหายนั้น แม้โจทก์จะได้แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ ๑ และบุตรอื่นทำกิน การที่จำเลยที่ ๑ เอานาพิพาทไปขาย เป็นการผิดความประสงค์ของโจทก์จึงเรียกค่าเสียหายได้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ ๑ และบุตรคนอื่น ๆ ทำกิน มิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาท เมื่อจำเลยที่ ๒ เข้าทำนาในปี ๒๕๐๙ โจทก์ได้ห้าม แต่จำเลยที่ ๒ ไม่ยอมฟัง เป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว แม้โจทก์จะอายุมากทำนาเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ทำนาในปี ๒๕๐๙ และปีต่อ ๆ ไป ตามที่โจทก์ขอ
โจทก์ฎีกาขอให้เพิกถอนนิติกรรมโอนที่นาพิพาทที่ทำขึ้นทั้งหมด ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอยกับจำเลยที่๑ เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ ๑ ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อนไปเท่านั้น จึงสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอยและจำเลยที่ ๑ เสียได้
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ไม่กำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ และไม่สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอยกับจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์สำหรับปี ๒๕๐๙ และปีต่อ ๆ ไปปีละ ๕๐๐ บาท จนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท และให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่พิพาทระหว่างนายคอยกับจำเลยที่ ๑ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share