คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอหักเงินที่ได้มาจากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อเอาเงินชำระต้นเงินและดอกเบี้ยอันเกิดจากการจำนองเป็นกรณีใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289ซึ่งวรรค 2 กำหนดระยะเวลาให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้ามาภายหลังจากที่ได้ขายทอดตลาดทรัพย์นั้นไปเสร็จสิ้นแล้ว ชอบที่ศาลจะต้องยกคำร้องเพราะเป็นคำร้องขอที่ยื่นมาพ้นกำหนดระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสอง

ย่อยาว

กรณีเรื่องนี้เป็นเรื่องชั้นบังคับคดีโดยที่หลังจากที่ได้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ เพื่อเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ไปแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดิน๒ แปลงทรัพย์ที่ได้ขายทอดตลาดไปนั้นมายื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีหักเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงนี้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองให้กับผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องไม่ได้แต่งทนายเข้ามาในคดีนี้ ทนายผู้ร้องไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนผู้ร้องได้ ทั้งกรณีนี้ผู้ร้องไม่ได้ยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์ที่ยึดไว้ออกขายทอดตลาดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙(๒) จึงไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้ร้องไว้ดำเนินการต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ เท่านั้นซึ่งกฎหมายบทมาตรานี้กำหนดระยะเวลาไว้ให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอได้ก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด แต่ปรากฏว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลเมื่อได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ไปเสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้ร้องเองเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์รายนี้ได้ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ชอบที่ศาลจะต้องยกคำร้องของผู้ร้องเสีย ส่วนผู้ร้องจะมีสิทธิในฐานะเป็นผู้รับจำนองประการใดนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะวินิจฉัยในคดีนี้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share