คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6836/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อหนี้ตามสัญญาซื้อขายระงับสิ้นไป มูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 ไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจมีคำสั่งตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ให้รับผลตามคำสั่งด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔ ป.อ. มาตรา ๘๓, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ (๕) อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษปรับจำเลยที่ ๑ จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๔ เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองอีกต่อไป ขอถอนฟ้อง จำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญาซื้อขายเป็นอันระงับสิ้นไป มูลหนี้ที่จำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๗ และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙ ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ ๑ ไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจมีคำสั่งตลอดไปถึงจำเลยที่ ๑ ให้รับผลตามคำสั่งด้วย ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ.

Share