คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6830/2543

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ครบถ้วนตามประเด็นแห่งคดีอันเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 141(5), 246
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดก็ต่อเมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า ลักษณะของจำเลยต้องด้วยกฎเกณฑ์ตามกฎหมายที่ศาลจะพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายได้แล้ว แต่กฎหมายกำหนดให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเสียก่อน เพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย หากไม่มีการประนอมหนี้หรือการประนอมหนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากที่ประชุมเจ้าหนี้และศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้ว ศาลชั้นต้นต้องพิพากษาให้จำเลย ล้มละลายตามมาตรา 61 ทันที คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดจึงเป็นคำสั่งชี้ขาดคดีมีผลเป็นคำพิพากษา ดังนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้พิจารณาใหม่ภายหลังเมื่อมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด จึงมิใช่ คำสั่งในระหว่างพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่แล้ว โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอคัดและถ่ายเอกสารรวมทั้งคำเบิกความพยาน เพื่อใช้ประกอบการเขียนอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้ว แต่จนกระทั่งก่อนครบกำหนดอุทธรณ์ 1 วัน และเป็นวันที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นก็ยังไม่สามารถจัดการให้โจทก์ได้รับสำเนาเอกสารดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือการบังคับของโจทก์ ถือเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์พิเศษ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้โจทก์
เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้ถึงวันตามที่โจทก์ขออุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งได้ยื่นต่อศาลในวันดังกล่าว จึงเป็นอุทธรณ์ที่ได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดที่ศาลฎีกาขยายระยะเวลาให้ชอบที่จะรับอุทธรณ์ไว้ดำเนินการต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ระหว่างไต่สวนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลว่า ในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกได้มีมติขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ศาลชั้นต้นจึงกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาแต่ต่อมาได้มีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเพื่อรอผลการขอให้พิจารณาใหม่ก่อนในระหว่างไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านที่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและการที่ศาลสืบพยานจำเลยไปขณะที่ทนายโจทก์ท้องเสียเข้าห้องสุขาอยู่

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยแล้วอนุญาตให้พิจารณาใหม่

โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่

ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า คำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์จะอุทธรณ์ในระหว่างการพิจารณาใหม่ไม่ได้จึงไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาและคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่รวมตลอดทั้งคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย

ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งว่า คำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ทั้งศาลไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว ไม่รับอุทธรณ์

โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว ให้ยกคำร้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเหตุโจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยว่ามีเหตุสมควรขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตามคำร้องของโจทก์ด้วยหรือไม่ เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์ได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์เพื่อให้อุทธรณ์ของโจทก์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นอยู่ในกำหนดระยะเวลาที่ได้ขออนุญาตขยายระยะเวลาไว้ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงมิได้วินิจฉัยปัญหาให้ครบถ้วนตามประเด็นแห่งคดีของโจทก์ อันเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 141(5), 246 ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 แต่เมื่อโจทก์ได้ยกปัญหาดังกล่าวเป็นข้อฎีกาขึ้นมาแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยตามปัญหาข้อนี้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ ซึ่งในปัญหาดังกล่าวเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดก็ต่อเมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่าลักษณะของจำเลยต้องด้วยกฎเกณฑ์ตามกฎหมายที่ศาลจะพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายได้แล้ว แต่กฎหมายกำหนดให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเสียก่อน เพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย หากไม่มีการประนอมหนี้หรือการประนอมหนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากที่ประชุมเจ้าหนี้และศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้ว ศาลชั้นต้นต้องพิพากษาให้จำเลยล้มละลายตามมาตรา 61 ทันที คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดจึงเป็นคำสั่งชี้ขาดคดีมีผลเป็นคำพิพากษา ดังนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้พิจารณาใหม่ภายหลังเมื่อมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด จึงมิใช่คำสั่งในระหว่างพิจารณาและไม่ต้องห้ามอุทธรณ์อันจะเป็นเหตุให้ไม่อาจขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยทั้งข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ความว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 4พฤษภาคม 2542 แล้ว โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอคัดและถ่ายเอกสารคำเบิกความพยานโจทก์รายงานกระบวนพิจารณา รายงานเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พร้อมเอกสารประกอบรายงาน คำสั่งให้พิจารณาใหม่ เพื่อใช้ประกอบการเขียนอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2542 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้ว แต่จนกระทั่งวันที่ 3 มิถุนายน 2542 ซึ่งก่อนครบกำหนดอุทธรณ์ 1 วัน และเป็นวันที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นก็ยังไม่สามารถจัดการให้โจทก์ได้รับสำเนาเอกสารดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือการบังคับของโจทก์ ถือเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์พิเศษ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ที่ศาลชั้นต้นไม่ขยายระยะเวลาและศาลล่างทั้งสองไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยและเห็นสมควรขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้ถึงวันที่ 24 มิถุนายน2542 ตามที่โจทก์ขอ ดังนั้น อุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นในวันดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ที่ได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดที่ศาลฎีกาขยายระยะเวลาให้ ชอบที่จะรับไว้ดำเนินการต่อไป เว้นแต่อุทธรณ์ในส่วนที่เป็นการโต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ซึ่งเป็นคำสั่งที่แยกได้ต่างหากจากคำสั่งระหว่างพิจารณา ในการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายและไม่ได้ขอขยายระยะเวลาไว้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจรับไว้ดำเนินการได้ให้ยกอุทธรณ์ในข้อที่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย”

พิพากษากลับว่า ให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์แก่โจทก์จนถึงวันที่ 24มิถุนายน 2542 และให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ที่ได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นไว้แล้วไว้ดำเนินการต่อไป

Share