แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
นอกจากผู้คัดค้านกับผู้ตายจะอยู่กินกันฉันสามีภริยาอย่างเปิดเผยตามปกติธรรมดาของสามีภริยาทั่วไปแล้ว ผู้คัดค้านยังได้เข้าค้ำจุนช่วยเหลือธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของผู้ตายโดยยอมเป็นผู้ค้ำประกันในฐานะลูกหนี้ร่วมกับผู้ตายในการผ่อนชำระหนี้ภาษีอากรที่ค้างชำระอยู่อีกด้วย ซึ่งการเป็นผู้ค้ำประกันในฐานะลูกหนี้ร่วมดังกล่าว ทำให้ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยจากกองมรดกของผู้ตายเพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกันนั้น ทั้งยังเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดาที่มีเหนือผู้ตายได้อีกด้วย ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงเป็นบุคคลที่ต้องถูกกระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่อันเนื่องจากการจัดแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องต่อศาลขอให้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1713 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบกฎหมายของนางเลิศลักษณ์ กันทะนิตย์ ผู้ตาย ซึ่งถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 โดยมิได้ทำพินัยกรรมหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้ ผู้ตายมีทรัพย์มรดกหลายรายการได้แก่ ที่ดิน 2 แปลงและห้องชุด 1 ห้อง การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้อง ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริต บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลล้มละลาย ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตายโดยผู้คัดค้านและผู้ตายต่างเป็นม่ายและสมัครใจอยู่กินฉันสามีภริยาอย่างเปิดเผยมาหลายปี ผู้คัดค้านให้การอุปการะเลี้ยงดูผู้ตายและผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายตลอดมาขณะผู้ตายตกเป็นม่าย มีธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หลายอย่าง ผู้คัดค้านเข้าช่วยเหลือชำระหนี้ของผู้ตายที่มีต่อสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมทั้งเป็นผู้ค้ำประกันการผ่อนชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างของผู้ตาย ผู้คัดค้านไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายในการเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านและผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกัน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ผู้คัดค้านมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ไม่มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ยกคำคัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผุ้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการที่จะร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกของนางเลิศลักษณ์ กันทะนิตย์ ผู้ตาย หรือไม่ โดยผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้คัดค้านอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายอย่างเปิดเผยโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้คัดค้านได้ให้ความอุปการะเลี้ยงดูผู้ตายและผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้ตาย และได้ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวช่วยเหลือชำระหนี้ของผู้ตายที่มีต่อสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมทั้งทำสัญญาค้ำประกันการผ่อนชำระภาษีอากรของผู้ตายด้วย ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย เห็นว่า ตามคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมของผู้คัดค้านมีข้อความบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คัดค้านกับผู้ตายว่าอยู่กินฉันสามีภริยากันอย่างเปิดเผย เพียงแต่มิได้จดทะเบียนสมรสเท่านั้น แต่ผู้คัดค้านก็ได้อุปการะเลี้ยงดูผู้ตายและผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้ตายมาตลอด ทั้งยังได้ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวช่วยเหลือชำระหนี้ของผู้ตายที่มีต่อสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมตลอดถึงการเข้าทำสัญญาค้ำประกันการผ่อนชำระหนี้ภาษีอากรที่ค้างชำระในฐานะลูกหนี้ร่วมกับผู้ตายอีกด้วย อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า นอกจากผู้คัดค้านกับผู้ตายจะอยู่กินกันฉันสามีภริยาอย่างเปิดเผยตามปกติธรรมดาของสามีภริยาทั่วไปแล้ว ผู้คัดค้านยังได้เข้าค้ำจุนช่วยเหลือธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของผู้ตายโดยการยอมเป็นผู้ค้ำประกันในฐานะลูกหนี้ร่วมกับผู้ตายในการผ่อนชำระหนี้ภาษีอากรที่ค้างชำระอยู่อีกด้วย ซึ่งการเป็นผู้ค้ำประกันในฐานะลูกหนี้ร่วมดังกล่าว ทำให้ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยจากกองมรดกของผู้ตายเพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกันนั้นทั้งยังเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดาที่มีเหนือผู้ตายได้อีกด้วย ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงเป็นบุคคลที่ต้องถูกกระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่อันเนื่องจากการจัดการแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องต่อศาลขอให้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคหนึ่ง กรณีหาจำกัดเฉพาะกรณีมีทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านกับผู้ตายทำมาหาได้ร่วมกันแต่เพียงประการเดียวตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำร้องขอของผู้คัดค้านไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับว่า ให้รับคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมของผู้คัดค้านไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปตามรูปคดี