แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่2ในข้อหาความผิดฐานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้จำคุกจำเลยที่2แต่ละกระทงไม่เกินห้าปีห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคหนึ่งที่จำเลยที่2ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15,66, 102, 103พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 42, 58, 66 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 12, 18, 62, 81 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสองให้ประหารชีวิต และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 62 วรรคสอง, 81 ฐานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน ฐานอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน จำเลยที่ 2ต้องโทษประหารชีวิตแล้ว ไม่ต้องบวกโทษจำคุก คงให้ประหารชีวิตสถานเดียว แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแต่ปฏิเสธในชั้นศาล และของกลางมีจำนวนมาก จึงไม่ลดโทษให้ริบของกลางข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2ในข้อหาความผิดฐานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้จำคุกจำเลยที่ 2แต่ละกระทงไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฮโรอีนของกลาง แต่พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักเชื่อได้มากกว่าพยานจำเลยที่ 2ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกที่หลบหนีมีเฮโรอีนไว้ในคอรบครองเพื่อจำหน่าย เฮโรอีนของกลางคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ถึง 8,643 กรัม นับว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง ควรลงโทษสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ริบเฉพาะเฮโรอีนและกระเป๋าที่บรรจุ ของกลางนอกจากนี้ให้คืนเจ้าของนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2