คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริตผู้ร้องย่อมเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1330แม้ภายหลังจะปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวมิใช่ของจำเลยก็หาทำให้การซื้อจากการขายทอดตลาดเป็นโมฆะไม่ ผู้ร้องจะขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและรับเงินคืนไม่ได้.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้และบังคับจำนอง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยไม่ชำระให้เอาทรัพย์สินที่จำนองไว้ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบ หากได้เงินไม่พอชำระ ให้โจทก์นำเอาทรัพย์สินอื่นขายทอดตลาดชำระหนี้จนครบ
จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์ออกขายทอดตลาด ผู้ร้องประมูลซื้อได้ เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง แต่ผู้ร้องไม่ได้รับการส่งมอบที่ดินเพราะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและขอรับเงินคืน
โจทก์คัดค้านว่า ที่ดินที่ขายทอดตลาดคดีนี้โจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริต การยึดและการขายทอดตลาดเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายจนมีการจดทะเบียนโอนที่ดินเป็นของผู้ร้องแล้วการที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้แก่ผู้ร้องมิใช่ความผิดของโจทก์ แต่เป็นความผิดของจำเลยและเป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ร้อง ทั้งจำเลยยอมจะคืนเงินค่าซื้อทรัพย์ ค่าใช้จ่าย และค่าดอกเบี้ยให้แก่ผู้ร้องรวมเป็นเงิน69,855 บาท ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาในสำนวนคดีนี้แล้ว ขอให้ยกคำร้อง
จำเลยแถลงไม่คัดค้านที่ผู้ร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์และขอรับเงินคืน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การขายทอดตลาดทรัพย์ระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ร้องเป็นการซื้อขายทรัพย์ที่ไม่มีอยู่ในขณะทำนิติกรรม วัตถุประสงค์แห่งนิติกรรมเป็นการพ้นวิสัย การซื้อขายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ทุกฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะเดิม ให้โจทก์จำเลยคืนเงินที่ได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์ต่อศาลภายใน 15 วัน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่14 เมษายน 2519 โจทก์จำเลยทำสัญญาจำนองและจดทะเบียนกันตามสัญญาจำนองเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6 ระบุทรัพย์จำนองคือที่ดินหมู่ที่12 ตำบลเมือง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย เนื้อที่ 13 ไร่ 3 งาน80 ตารางวา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ทะเบียนเล่ม 6เล่มที่ 202 หน้า 119 ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2502 ต่อมาโจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวออกประกาศขายทอดตลาด ผู้ร้องประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดในราคา 65,000 บาท และเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้องแล้ว แต่การส่งมอบที่ดินไม่อาจกระทำได้ เพราะมีการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวและโอนจากของจำเลยเป็นของบุคคลอื่นไปก่อนที่จำเลยจะนำมาจดทะเบียนจำนองแก่โจทก์
พิเคราะห์แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องซื้อที่ดินตามคำร้องจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต ผู้ร้องย่อมเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300แม้ความปรากฏขึ้นภายหลังว่าที่ดินดังกล่าวมิใช่ของจำเลยก็หาทำให้การซื้อจากการขายทอดตลาดนั้นเป็นโมฆะไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้ยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share