แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินซึ่งมีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่บุตรจำเลยมิได้เป็นคู่ความในคดี กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ศาลจะพิพากษาหรือสั่งใดๆ ให้ผูกพันบุตรของจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขุนรจนาสวัสดิ์เจ้ามรดกถึงแก่กรรม โดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ ผู้ตายมีที่ดินยังไม่ได้แบ่งมรดกอยู่ 2 แปลง คือ โฉนดที่ 3676 และ 3664 จำเลยได้ทำใบมอบอำนาจปลอมโอนที่ดินโฉนดที่ 3676 ให้จำเลยกึ่งหนึ่ง และโอนโฉนดที่ 3664 ให้แก่เด็กชายสมพรบุตรจำเลย จึงขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินทั้ง 2 แปลง และขอให้แบ่งมรดกตามบัญชีทรัพย์ทั้งหมดให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาท
จำเลยให้การว่า ที่ดินของผู้ตายเหลืออยู่เพียงแปลงเดียว คือโฉนดที่ 3676 ส่วนโฉนดที่ 3664 เป็นของเด็กชายสมพรบุตรจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่ดินทั้ง 2 โฉนด และให้กลับใส่ชื่อเจ้ามรดก และจัดแบ่งรวมกับทรัพย์มรดกอื่นให้แก่โจทก์จำเลยรวม 4 ส่วน
โจทก์ จำเลย อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้เด็กชายสมพรมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 3664 มิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาล และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 145 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลย่อมพิพากษาหรือสั่งใด ๆ ให้ผูกพันเด็กชายสมพรซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เฉพาะที่ดินโฉนดที่ 3664 ตามฟ้องให้ยกเสียนอกนั้นยืนตาม