คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6813/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจผู้ล่อซื้อได้เจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับจำเลยที่ 1 เสร็จเรียบร้อยโดยตกลงซื้อจำนวน 1,000 เม็ด และได้รับมอบห่อเมทแอมเฟตามีนมาแล้วโดยตกลงไปจ่ายเงินกันที่ปั๊มน้ำมันที่กำหนดซึ่งจำเลยที่ 1 ให้ ศ. ไปรับเงินแทนถือเป็นการตกลงซื้อขายและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนอันเป็นการขายตามคำนิยามศัพท์ พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ แล้ว หาใช่เป็นการตระเตรียมการหรือกำลังจะซื้อขายเท่านั้น ส่วนการชำระเงินหาใช้ข้อสำคัญไม่
การที่จำเลยที่ 2 มาพร้อมกับจำเลยที่ 1 โดยนำเมทแอมเฟตามีนมาด้วยและร่วมวงเจรจาซื้อขายกัน แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนในการติดต่อรวบรวมซื้อขายร่วมกับจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม จำเลยที่ 2 ก็ได้วิ่งหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ในชั้นจับกุมจำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 เป็นการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในลักษณะเป็นตัวการแบ่งหน้าที่กันทำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 106 ทวิ, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง และคืนเงินจำนวน 55,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง, 89, 106 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่มีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 20 ปี คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ คืนเงินจำนวน 55,000 บาท ที่ใช้ในการล่อซื้อแก่เจ้าของ

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่โดยจำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนยังไม่เสร็จสมบูรณ์น่าจะเป็นการตระเตรียมการหรือเป็นการกำลังจะซื้อขายเท่านั้น เพราะจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้รับการชำระเงินจากสิบตำรวจตรีสมบูรณ์แต่ประการใด ขณะที่เจรจาขายเมทแอมเฟตามีนกับจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไร แสดงว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีพฤติการณ์ให้เห็นชัดเจนว่าได้ร่วมกระทำการขายเมทแอมเฟตามีนกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ศาลฎีกาเห็นว่า พยานโจทก์คือสิบตำรวจตรีสมบูรณ์ ทองเอก นายศรีวุฒิ หลายแห่ง และนายฉลอง เทพรักษา เบิกความยืนยันว่าในวันที่ 3 ตุลาคม 2539 สิบตำรวจตรีสมบูรณ์ได้เจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกันเสร็จเรียบร้อย โดยสิบตำรวจตรีสมบูรณ์ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,000 เม็ด เท่านั้น ทั้งที่จำเลยที่ 1 เสนอขายให้อีก 200 กว่าเม็ด เนื่องจากเตรียมเงินมาซื้อเพียง 1,000 เม็ด และเมื่อตกลงเสร็จจำเลยที่ 1 ได้ยื่นห่อเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายศรีวุฒิ แล้วนายศรีวุฒิยื่นต่อให้นายฉลอง แล้วนายฉลองได้มอบให้สิบตำรวจตรีสมบูรณ์ขณะที่เดินออกมาจากบ้านนายฉลอง ส่วนเงินนั้นตกลงกันว่าจะไปจ่ายกันที่ปั๊มน้ำมัน พี.ที. ที่ตำบลฝายกวาง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยจำเลยที่ 1 ขอให้นายศรีวุฒิไปรับเงินแทน ซึ่งเห็นได้ว่ามีการตกลงซื้อขายและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนอันเป็นการขายเมทแอมเฟตามีนตามความหมายของคำนิยามศัพท์ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทกันแล้ว หาใช่เป็นการตระเตรียมการหรือกำลังจะซื้อขายเท่านั้น ส่วนการจะชำระเงินเมื่อใดนั้นหาใช่ข้อสำคัญไม่ ทั้งการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองก็เป็นความผิดแล้ว และการที่จำเลยที่ 2 มิได้เจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับสิบตำรวจตรีสมบูรณ์ ก็ปรากฏตามคำเบิกความของพยานโจทก์คือนายศรีวุฒิและนายฉลองที่ร่วมรู้เห็นการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนว่าจำเลยที่ 3 มาติดต่อนายศรีวุฒิและนายฉลองเพื่อขายเมทแอมเฟตามีน ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2539 และนัดหมายกัน โดยให้สิบตำรวจตรีสมบูรณ์ปลอมเป็นพ่อค้ามาจากจังหวัดเชียงรายมาเจรจาซื้อเมทแอมเฟตามีนกับจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2539 โดยยังไม่มีการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับจำเลยที่ 3 และนัดหมายกันใหม่วันที่ 1 ตุลาคม 2539 ที่บ้านนายฉลอง แต่จำเลยที่ 3 ขอเลื่อนมาเป็นวันที่ 3 ตุลาคม 2539 อ้างว่ามาไม่ได้เพราะเจ้าพนักงานตำรวจตั้งจุดสกัด และในวันดังกล่าวจำเลยที่ 3 ไปบ้านนายฉลองก่อนจำเลยอื่น ต่อมาจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนมาโดยมีจำเลยที่ 2 มาด้วย ซึ่งสิบตำรวจตรีสมบูรณ์เบิกความยืนยันว่า ในการเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ก็นั่งอยู่ในกลุ่มด้วย พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวจึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมอยู่ในขณะมีการเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกัน ทั้งนี้นายฉลองเบิกความยืนยันด้วยว่า ในวันที่ 3 ตุลาคม 2539 จำเลยทั้งสามมาบ้านพยานและบอกว่าของพร้อมแล้ว ดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ตามทางนำสืบของพยานโจทก์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 2 ร่วมรู้เห็นในการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ด้วย เพราะแม้ว่าจำเลยที่ 2 จะมิได้เจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับสิบตำรวจตรีสมบูรณ์ แต่การที่จำเลยที่ 2 มาพร้อมจำเลยที่ 1 โดยนำเมทแอมเฟตามีนมาด้วยและร่วมวงเจรจาซื้อขายกัน แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนในการติดต่อรวบรวมซื้อขายเมทแอมเฟตามีนร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 เพื่อนำมาขายต่อ ส่วนการเจรจาซื้อขายนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 อาจเห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นอดีตเจ้าพนักงานตำรวจจึงปล่อยให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการ ทั้งเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม จำเลยที่ 2 ก็ได้วิ่งหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจต้องติดตามจับกุมจึงได้ตัวมา และในชั้นจับกุมร้อยตำรวจเอกเมฆ ชนะดัง พยานโจทก์ผู้จับกุมจำเลยทั้งสามเบิกความยืนยันว่าในชั้นจับกุมเมื่อแจ้งข้อหาให้จำเลยที่ 2ทราบ จำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งได้กระทำในวันนั้นภายหลังจากการจับกุมจำเลยทั้งสาม ถ้าจำเลยที่ 2 มิได้กระทำความผิดจริงตามข้อกล่าวหาก็ชอบจะให้การปฏิเสธเสียได้ตั้งแต่แรก คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมของจำเลยที่ 2 แม้จะเป็นเพียงพยานบอกเล่าแต่ก็รับฟังประกอบพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบในชั้นพิจารณาได้พยานหลักฐานของโจทก์นั้นหาได้มุ่งเน้นเฉพาะแต่จำเลยที่ 1 ไม่ หากแต่รวมถึงจำเลยที่ 2 ด้วย พยานโจทก์ที่นำสืบมาต่างเบิกความสอดคล้องต้องกันตามลำดับ แสดงให้เห็นพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีน นับแต่การที่จำเลยที่ 3 ไปติดต่อกับนายศรีวุฒิและนายฉลองเพื่อหาผู้ซื้อเมทแอมเฟตามีนจนกระทั่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนมาขายให้แก่สิบตำรวจตรีสมบูรณ์ หากจำเลยที่ 2ไม่เกี่ยวข้องแล้วจะติดตามจำเลยที่ 1 มาเพื่อเหตุผลอันใดทั้งในขณะเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 2 ก็นั่งร่วมวงอยู่ด้วย ทั้งที่จำเลยที่ 2 ทราบดีอยู่แล้วว่า เมทแอมเฟตามีนนั้นเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อผู้เสพ ถ้าไม่ร่วมขายเมทแอมเฟตามีนกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 จำเลยที่ 2 ก็ชอบจะปลีกตัวออกไปเสียในระหว่างที่มีการเจรจากัน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ลุกขึ้นไปที่ใด คงนั่งอยู่จนมีการเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกันเสร็จ และนัดหมายตรวจนับเมทแอมเฟตามีนพร้อมทั้งมอบเงินที่สถานที่แห่งอื่นภายหลัง จำเลยที่ 2 ก็ยังอยู่ในบ้านนายฉลองกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 จนถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่สุดและรับสารภาพในชั้นจับกุม พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบจึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามฟ้องพยานหลักฐานของจำเลยที่ 2 ไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share