คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์เกิน 1 ปี โจทก์ย่อมเสียสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1374 นั้น คดีนี้จำเลยให้การต่อสู้และนำสืบแต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินโจทก์ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของจำเลย จึงไม่มีประเด็นเรื่องการรบกวนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 เพราะการรบกวนการครอบครองจะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น ฎีกาของจำเลยจึงขัดกับประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การที่ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาข้อกฎหมายดังกล่าวมาก็เป็นการสั่งรับมาโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า 1 แปลงเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ซึ่งมีแบบการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 230เป็นชื่อนายขาว ทิศกระโทก สามีของโจทก์เป็นผู้แจ้งการครอบครอง โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี 2488 เรื่อยมา ต่อมาประมาณกลางเดือนมกราคม 2537 จำเลยบุกรุกเข้าไปตัดฟันไม้ยืนต้นและไม้ล้มลุกของโจทก์ กับปลูกสร้างคอกโคกระบือในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศเหนือตลอดแนว รวมเนื้อที่ประมาณ 3 งาน 39 ตารางวาแล้วจำเลยนำโคกระบือเข้าไปไว้ในคอกดังกล่าว ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเนื้อที่ประมาณ 3 งาน 39 ตารางวา เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องให้จำเลยส่งมอบที่พิพาทในสภาพที่เรียบร้อยให้แก่โจทก์ภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 1,600 บาท แก่โจทก์และให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์การใช้ที่พิพาทปีละ 5,000 บาท แก่โจทก์ นับแต่ปี 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปและเลิกเกี่ยวข้องกับที่พิพาท

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่เคยครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาทดังกล่าว ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ซื้อมาจากผู้มีชื่อแล้วครอบครองทำประโยชน์โดยสุจริตด้วยความสงบเปิดเผยและไม่มีผู้ใดโต้แย้งสิทธิมา 30 ปีเศษจำเลยเป็นผู้ปลูกไม้ยืนต้นและไม้ล้มลุกในที่พิพาท จำเลยปลูกสร้างคอกโคกระบือในที่พิพาทซึ่งเป็นของจำเลยเอง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้จำเลยส่งมอบที่พิพาทในสภาพที่เรียบร้อยแก่โจทก์และชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 500 บาท กับชำระค่าขาดประโยชน์ปีละ 1,500 บาท นับแต่ปี 2537 จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาเพียงประการเดียวว่าโจทก์ฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์เกิน 1 ปี โจทก์ย่อมเสียสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 นั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การต่อสู้และนำสืบแต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินโจทก์ ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของจำเลย ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นเรื่องการรบกวนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 เพราะการรบกวนการครอบครองจะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงขัดกับประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การที่ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาข้อกฎหมายดังกล่าวมาก็เป็นการสั่งรับมาโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลยค่านายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share