แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีที่พิพาทกันในชั้นขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ซึ่งจำเลยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์นั้น อำนาจในการสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตเป็นอำนาจเฉพาะของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้รวมตลอดถึงเรื่องการพิจารณาหลักประกันด้วย คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดคู่ความจะฎีกาโต้แย้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์มิได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๕,๔๗๗,๒๙๙.๖๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ ๔ และที่ ๖ ร่วมรับผิดตามส่วน หากไม่ชำระให้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นเอาชำระหนี้จนครบ ยกฟ้องจำเลยที่ ๕
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖ อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โจทก์คัดค้าน ศาลอุทธรณ์สั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับว่าให้ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์ที่จำนองถ้าไม่พอชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมีกำหนด ๔ ปี ก็ให้จำเลยคนใดคนหนึ่งหรือร่วมกันหาประกันมาให้ครบภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง ในการพิจารณาหลักประกัน ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำนวนหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมดอกเบี้ย ๔ ปีเป็นเงินประมาณ ๒๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์เสนอรายการประเมินราคาทรัพย์จำนองที่โจทก์ประเมินเป็นเงินทั้งสิ้น ๖,๓๒๕,๗๓๕ บาท สูงกว่าทางราชการประเมินไว้ แต่ต่ำกว่าครั้งที่โจทก์ประเมินตอนจำเลยทำสัญญากู้ยืมซึ่งประเมินราคาเต็มของทรัพย์จำนองเป็นเงิน ๑๑,๕๒๘,๘๔๒บาท ทั้งนี้ เนื่องจากทรัพย์จำนองเสื่อมสภาพลง จำเลยเสนอราคาทรัพย์จำนองเป็นเงิน ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท เห็นว่าราคาประเมินของจำเลยสูงเกินไป ส่วนราคาประเมินของโจทก์ก็ต่ำเกินไป ควรประเมินราคาทรัพย์จำนองตามที่กำหนดไว้ในขณะทำสัญญาจำนองเป็นเงิน ๑๑,๕๒๘,๘๔๒ บาท และเพิ่มราคาที่ดินที่สูงขึ้นอีกรวมเป็น ๑๑,๖๗๘,๘๔๒ บาท ให้จำเลยวางหลักประกันเป็นเงิน ๑๒,๘๒๑,๑๕๗ บาท ในส่วนของจำเลยที่ ๔ให้วางหลักประกันเป็นเงินไม่ต่ำกว่า ๑๒๐,๕๗๕.๓๔ บาท ส่วนจำเลยที่ ๖ ไม่ต่ำกว่า ๑๒,๖๘๓,๐๔๐ บาท โดยให้จำเลยวางหลักประกันใน๑ เดือนและนัดพิจารณาหลักประกันวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๓๑ เวลา ๘.๓๐ นาฬิกา
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖ อุทธรณ์คำสั่งว่า ทรัพย์จำนองของจำเลยมีราคามากพอแก่หนี้ตามคำพิพากษากับดอกเบี้ยอีก ๔ ปี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยชอบแล้ว มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖ ฎีกาขอให้ศาลฎีกากำหนดวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งในการตีราคาทรัพย์จำนองเสียใหม่ หรือมีคำสั่งรับหลักประกันจำเลยและให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่พิพาทกันในชั้นขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ซึ่งจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖ ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ อำนาจในการสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับหรือไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์เป็นอำนาจเฉพาะของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้รวมตลอดถึงเรื่องการพิจารณาหลักประกันด้วย คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด คู่ความจะฎีกาโต้แย้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์มิได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖ ซึ่งโต้แย้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖.