แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
องค์การคลังสินค้าได้สั่งซื้อสินค้าปูนซีเมนต์จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ขายได้ว่าจ้างบริษัทซ. เป็นผู้ขนส่งสินค้ามายังประเทศไทยโดยเรือเดินทะเลเมื่อเรือบรรทุกสินค้าปูนซีเมนต์มาถึงท่าเรือกรุงเทพและจอดเรือรอขนถ่ายปลดเปลื้องสินค้าองค์การคลังสินค้าได้ว่าจ้างจำเลยที่2ขนถ่ายสินค้าโดยเรือฉลอมจากเรือเดินทะเลมายังคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้าบริษัทซ.ไม่ใช่ผู้ว่าจ้างจำเลยที่2ให้ขนถ่ายสินค้าจำเลยที่2จึงไม่ใช่ผู้ขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลแต่จำเลยที่2ต้องรับผิดต่อองค์การคลังสินค้าตามสัญญาว่าจ้างที่ทำไว้กับองค์การคลังสินค้าเมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยการขนส่งสินค้าได้ชำระค่าเสียหายให้แก่องค์การคลังสินค้าแล้วโจทก์จึงรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่2ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2533 โจทก์ทำสัญญารับประกันภัยการขนส่งสินค้าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภทประกันภัยทางทะเลเปิดกับองค์การคลังสินค้าในวงเงิน 16,485,920 บาทองค์การคลังสินค้าสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และผู้ขายว่าจ้างบริษัทแซมต้า ชิปปิ้งเอเยนซี่ส์ พีทีอี จำกัด เป็นผู้ขนส่งสินค้ามายังประเทศไทยโดยเรือเดินทะเลผ่ออัน เมื่อเรือดังกล่าวเดินทางถึงท่าเรือกรุงเทพองค์การคลังสินค้าเรียกร้องให้บริษัทแซมต้าชิปปิ้ง เอเยนซี่ส์พีทีอี จำกัด กับจำเลยที่ 1 ผู้ร่วมขนส่งทางทะเลส่งมอบสินค้าจึงมีการขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลลงเรือฉลอมไปยังคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจ้างเหมา หลังจากขนถ่ายสินค้าเสร็จจึงสำรวจ ปรากฎว่าสินค้าเสียหายคิดเป็นเงิน1,938,164.83 บาท ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง จำเลยทั้งสองในฐานะผู้ขนส่งต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า และองค์การคลังสินค้าทวงถามแล้วแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จึงทวงถามจากโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัย และโจทก์ได้ชำระค่าเสียหายจำนวน 1,938,164.83 บาท แก่องค์การคลังสินค้าเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2534 แล้ว จึงเข้ารับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสอง โจทก์นำสินค้าที่เสียหายออกขายทอดตลาดได้เงิน 626,160 บาท จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันในเงินที่เหลือ 1,312,004.83 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,333,572.09 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงิน 1,312,004.83 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นผู้ร่วมขนส่งทางทะเล จึงไม่ต้องร่วมรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้าที่เกิดขึ้น เพราะจำเลยที่ 2 มิได้เป็นผู้ร่วมขนส่งทางทะเลกับจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 1,312,004.83 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่21 มีนาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1
จำเลย ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฯลฯ ปัญหาข้อสุดท้ายว่า จำเลยที่ 2ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าองค์การคลังสินค้าได้สั่งซื้อปูนซีเมนต์จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ขายได้ว่าจ้างบริษัทแซมต้า ชิปปิ้งเอเยนซี่ส์ พีทีอี จำกัด เป็นผู้ขนส่งสินค้ามายังประเทศไทยโดยเรือเดินทะเลชื่อผ่ออัน เมื่อเรือผ่ออันบรรทุกสินค้าปูนซีเมนต์มาถึงท่าเรือกรุงเทพตามใบตราส่งเอกสารหมาย จ.21และจอดเรือรอขนถ่ายปลดเปลื้องสินค้า องค์การคลังสินค้าได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ขนถ่ายสินค้าโดยเรือฉลอมจากเรือผ่ออันมายังคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า บริษัทแซมต้า ชิปปิ้ง เอเยนซี่ส์พีทีอี จำกัด ไม่ใช่ผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ให้ขนถ่ายสินค้าจำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่ผู้ขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลแต่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อองค์การคลังสินค้าตามสัญญาว่าจ้างที่ทำไว้กับองค์การคลังสินค้า เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยการขนส่งสินค้าได้ชำระค่าเสียหายให้แก่องค์การคลังสินค้าแล้วโจทก์จึงรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลยที่ 2ได้ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 1,212,004.83 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 21 มีนาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 21,567.26 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์