คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การของดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ.มาตรา293นั้นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องได้ฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่นซึ่งถ้าชนะคดีแล้วจะสามารถหักกลบลบหนี้กันได้การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีอาญาว่าสมคบกับเจ้าพนักงานที่ดินทำพยานเอกสารเท็จและเป็นคดีแพ่งฐานละเมิดให้ใช้ค่าเสียหายนั้นแม้ชนะคดีก็ไม่อาจนำมาหักกลบลบหนี้กับคดีที่ขอบังคับคดีได้ เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลพิพากษาให้จำเลยกระทำการและงดเว้นกระทำการจึงมาของดการบังคับคดีตามมาตรา293ไม่ได้กรณีถือเป็นเรื่องที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาขอให้งดการบังคับคดีตามมาตรา292(2)ซึ่งเป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งงดการบังคับคดีหรือไม่ก็ได้ และเมื่อศาลเห็นว่าคดีมีข้อเท็จจริงพอที่จะสั่งได้แล้วศาลก็ชอบที่จะสั่งไม่ให้งดการบังคับคดีไปได้เลยโดยไม่จำต้องทำการไต่สวนก่อนมาตรา21(4)แห่งป.วิ.พ.มิได้บังคับศาลว่าจะต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งทุกเรื่องทุกคดีไป.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้ที่พิพาทตกเป็นภารจำยอมของที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินของจำเลยตามส่วนดังกล่าวให้เป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องถอนเสาไฟฟ้าที่ปักอยู่ที่ดินพิพาท จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นคดีแพ่งเรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายและฟ้องเป็นคดีอาญาด้วย ขอให้ศาลรอการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีที่จำเลยได้ยื่นไว้มีผลเสียก่อน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ถึงที่สุดแล้วโจทก์ชอบที่จะบังคับคดีได้ ข้ออ้างของจำเลยตามคำร้องไม่มีเหตุที่ควรงดหรือรอการบังคับไว้ได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาตามฎีกาจำเลยประการแรกว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้งดหรือรอการบังคับคดีไว้ โดยไม่ทำการไต่สวนคำร้องเสียก่อนนั้นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) หรือไม่ มาตรา 21(4)บัญญัติว่า “ถ้าประมวลกฎหมายนี้มิได้บัญญัติไว้ว่าศาลต้องออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอที่ได้เสนอต่อศาลนั้นโดยไม่ต้องทำการไต่สวนแล้วก็ให้ศาลมีอำนาจทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งตามคำขอนั้น” เห็นว่าบทบัญญัติที่ว่า ให้ศาลมีอำนาจทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งนั้น หมายความว่า ถ้าศาลเห็นสมควรไม่ทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งก็ได้เช่นกัน บทบัญญัติดังกล่าวจึงมิได้บังคับศาลให้จำต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งทุกเรื่องทุกคดีไปแต่ให้อำนาจศาลทำการไต่สวนหรือไม่ทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควรคดีในชั้นนี้ข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งตามคำพิพากษาศาลฎีกาและตามคำร้องของจำเลยแล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้งดหรือรอการบังคับคดีตามคำร้องของจำเลย โดยไม่ไต่สวนก่อนจึงหาขัดต่อมาตรา 21(4) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาประการต่อไปว่า ควรให้งดหรือรอการบังคับคดีไว้หรือไม่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีอำนาจขอให้ศาลงดการบังคับคดีได้ตามมาตรา 293ศาลฎีกาเห็นว่ามาตราดังกล่าวเป็นบทบัญญัติให้อำนาจลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ได้ฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่น ขอให้ศาลงดการบังคับคดีที่ต้องมีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของตนโดยอ้างว่าถ้าตนชนะคดีแล้วสามารถหักกลบลบหนี้กันได้ ส่วนคดีนี้จำเลยขอให้งดหรือรอการบังคับคดีที่ให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินของจำเลยตามส่วนให้เป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์และห้ามมิได้จำเลยเกี่ยวข้องถอนเสาไฟฟ้าที่ปักอยู่ในที่ดินพิพาทอันเป็นเรื่องขอให้งดการบังคับคดีทั่วไปซึ่งเป็นอำนาจของศาลที่จะมีคำสั่งงดการบังคับคดีหรือไม่ก็ได้ตามมาตรา 292(2)
สำหรับเหตุที่ขอให้งดการบังคับคดี จำเลยฎีกาใจความว่าหากผลของคดีอาญาที่จำเลยเป็นโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยทั้งหมด (น่าจะหมายถึงโจทก์ทั้งสองในคดีนี้) กับเจ้าพนักงานที่ดินร่วมกันสมคบกระทำพยานเอกสารอันเป็นเท็จแล้ว จริงอยู่ผลของคำพิพากษาอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลฎีกาไปได้ แต่ก็อาจมีผลทำให้การขอพิจารณาใหม่ หรือมีผลทำให้ต้องเพิกถอนคำพิพากษา เห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า ที่ดินบางส่วนของจำเลยตกเป็นภารจำยอมของที่ดินของโจทก์ให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินดังกล่าวให้เป็นภารจำยอมและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องถอนเสาไฟฟ้าในที่ดินพิพาทคำพิพากษานั้นย่อมผูกพันจำเลย แม้จำเลยจะชนะคดีอาญาศาลก็ลงโทษโจทก์ทั้งสองเท่านั้น ผลของคำพิพากษาคดีอาญาจึงหาอาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวไม่ ดังที่จำเลยก็ยอมรับมาในคำฟ้องฎีกา เหตุนี้การที่จำเลยเพียงแต่ยื่นฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นคดีอาญาจึงหาเป็นเหตุเพียงพอให้ศาลงดหรือรอการบังคับคดีนี้ไว้ไม่ คำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share