แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำสั่งเห็นชอบด้วยแผนมีผลเฉพาะตัวลูกหนี้เท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน แล้วมาผูกพันตามหนี้ที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนบุคคลภายนอกซึ่งต้องร่วมรับผิดกับลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/60 วรรคสอง อันได้แก่ บุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับลูกหนี้หรือผู้รับผิดร่วมกับลูกหนี้ หรือผู้ค้ำประกันหรือผู้อยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ คำสั่งของศาลที่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการย่อมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความรับผิดของบุคคลเหล่านั้นที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ความรับผิดของบุคคลดังกล่าวจะต้องรับผิดอีกเช่นไรต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งกล่าวโดยเฉพาะในส่วนของผู้ค้ำประกันเมื่อหนี้ที่ค้ำประกันมิได้ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 ผู้ค้ำประกันก็ยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิดต่อเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ยังมีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ได้เช่นเดิม
ข้อกำหนดในแผนที่ขอร้องหรือขอความร่วมมือจากเจ้าหนี้มิให้ฟ้องผู้ค้ำประกันในระหว่างระยะเวลาบริหารแผน มิใช่กำหนดห้ามฟ้องหรือจำกัดสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกัน จึงไม่มีสภาพบังคับสิทธิของเจ้าหนี้ที่มีอยู่ต่อผู้ค้ำประกันตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งเพียงใด เจ้าหนี้ย่อมใช้สิทธินั้นได้อย่างเต็มที่ มิได้ถูกจำกัดด้วยข้อกำหนดในแผน แผนจึงไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/60 วรรคสอง
การที่แผนกำหนดแบ่งเงินพิเศษสำหรับสินเชื่อใหม่แก่สถาบันการเงินที่ได้นำเงินที่สถาบันการเงินดังกล่าวได้รับจากโครงการที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่ตนแล้วมาให้เป็นสินเชื่อใหม่เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของลูกหนี้ ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่ผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนได้ก่อให้เกิดขึ้นเนื่องจากการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เพื่อประโยชน์ของลูกหนี้ในอันที่ผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนจะได้นำเงินไปดำเนินกิจการตามแผน ส่งผลให้กิจการลูกหนี้สามารถแสวงหารายได้ นับว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้จึงเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการฟื้นฟูกิจการตามแผน หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/62 หนี้ส่วนนี้ย่อมมีสถานะแตกต่างจากหนี้จำนวนอื่น ๆ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและมีการกำหนดไว้ในแผน การที่แผนกำหนดให้มีการคืนหนี้ส่วนนี้ให้แก่สถาบันการเงินก่อน จึงเป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และตั้งนายวีระวัฒน์ ชลวณิช นายชูเกียรติ วิทยะเตชะกุล นายสิทธิไชย โรจนดิษฐ์ นายประมวลชัย ทวีเศรษฐ์และนายเฉลิมชัย กนกวิบูลย์ศรี ร่วมกันเป็นผู้ทำแผนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่าในการประชุมเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2544เพื่อปรึกษาว่าจะยอมรับแผนหรือไม่ หรือจะแก้ไขอย่างไรที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/46(2) ขอให้ศาลนัดพิจารณาแผน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งกำหนดนัดพิจารณาแผนให้ผู้ทำแผน ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ทั้งหลายทราบโดยชอบแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/56
ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายที่ 76 ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นเงิน 119,502,712.30 บาท ในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันแผนจัดให้ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 ซึ่งตามแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ข้อ 1.2 ที่ระบุไว้ในหน้า 34 ข้อ ฌ. ว่า เมื่อแผนได้รับอนุมัติแล้ว ห้ามมิให้ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันได้แก่นายสุเอช ศิวาชัญ นายวีระวัฒน์ ชลวณิช และบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ แอนด์อินฟราสตรัคเจอร์ดีวีลอปเม้นท์ จำกัด ในระหว่างการดำเนินการตามแผนและให้ผู้ค้ำประกันข้างต้นรับผิดเฉพาะหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระในส่วนที่เกิดจากหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน แต่จะไม่ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันตลอดระยะเวลาบริหารแผนนั้น เป็นการขัดต่อกฎหมายเรื่องความรับผิดของผู้ค้ำประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 90/60 วรรคสอง ถือได้ว่าเป็นการกำจัดสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะไปเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันในหนี้ส่วนที่เหลือจากที่ได้รับชำระหนี้ตามแผน และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ไม่ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน จากแผนฟื้นฟูกิจการในเรื่องการคืนเงินในรูปการลดทุน มีการชำระหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้กลุ่มเดียวกันไม่เท่าเทียมกันตามมาตรา 90/58(2) ประกอบมาตรา 90/46(2) กล่าวคือโครงการปัจจุบันในแผนฟื้นฟูกิจการระบุให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 และที่ 4 ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 ได้รับชำระหนี้ก่อนบรรดาเจ้าหนี้อื่นในกลุ่มที่ 4 ในอัตราร้อยละ 70 ของกระแสเงินสดสุทธิของโครงการปัจจุบัน และให้เจ้าหนี้ทั้งสามรายข้างต้นได้รับชำระหนี้ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30 ของกระแสเงินสดสุทธิของโครงการปัจจุบันตามสัดส่วนของมูลหนี้ขณะที่บรรดาเจ้าหนี้ในกลุ่มเดียวกันได้รับชำระหนี้เฉพาะในส่วนร้อยละ 30 ของกระแสเงินสดสุทธิของโครงการปัจจุบันตามสัดส่วนของมูลหนี้เท่านั้น ส่วนโครงการใหม่ ในแผนฟื้นฟูกิจการระบุให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้รับชำระหนี้ก่อนบรรดาเจ้าหนี้อื่นในกลุ่มที่ 4 ในอัตราร้อยละ 70 ของเงินจำนวนร้อยละ 30 ร้อยละ 25 หรือร้อยละ 20 แล้วแต่กรณีที่เหลือจากการแบ่งส่วนกำไรสุทธิของโครงการใหม่ให้แก่ผู้สนับสนุนทางการเงินแก่โครงการใหม่ และให้เจ้าหนี้ทั้งสามรายข้างต้นได้รับชำระหนี้ในส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30ของเงินจำนวนร้อยละ 30 ร้อยละ 25 หรือร้อยละ 20 แล้วแต่กรณี ตามสัดส่วนของมูลหนี้ ขณะที่บรรดาเจ้าหนี้ในกลุ่มเดียวกันได้รับชำระหนี้เฉพาะในส่วนร้อยละ 30ของเงินจำนวนร้อยละ 30 ร้อยละ 25 หรือร้อยละ 20 แล้วแต่กรณีตามสัดส่วนมูลหนี้เท่านั้น แผนจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมต่อเจ้าหนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำชี้แจงว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 90/60 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่ชัดแจ้ง หากแผนระบุยกเว้นความรับผิดของผู้ค้ำประกันไว้แล้วข้อกำหนดดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการส่วนที่ 8 ข้อ 6(ก)-(ง) แผนมิได้ระบุข้อความที่เป็นการปฏิบัติการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 แตกต่างกันแต่ประการใดส่วนข้อ ฉ. แผนกำหนดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บางรายในกลุ่มที่ 4 แตกต่างจากเจ้าหนี้รายอื่นในกลุ่มเดียวกันนั้น หนี้ตามข้อ ฉ. เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 90/42 มาตรา 90/42 ทวิ และมาตรา 90/42 ตรีและเป็นเพียงกรณีที่แผนกำหนดแนวทางสำหรับหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเท่านั้น
ผู้ทำแผนยื่นคำชี้แจงว่า แผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไม่ขัดต่อกฎหมายในเรื่องความรับผิดของผู้ค้ำประกัน และไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิเจ้าหนี้ที่จะไปเรียกร้องหนี้ส่วนที่เหลือจากที่ได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการจากผู้ค้ำประกัน เนื่องจากแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ระบุว่า เมื่อแผนได้รับอนุมัติแล้ว ขอร้องมิให้เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันข้อความดังกล่าวเป็นการขอความร่วมมือจากเจ้าหนี้มิให้ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันเท่านั้นไม่ใช่เป็นการห้ามฟ้องร้องแต่อย่างใด ผู้ค้ำประกันยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิด เพราะได้แปลงหนี้เป็นทุนเฉพาะต้นเงิน ส่วนดอกเบี้ยผู้ค้ำประกันยังคงต้องรับผิด แผนกำหนดให้ลูกหนี้ชำระหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ในกลุ่มเดียวกันอย่างเท่าเทียมกัน รวมตลอดทั้งเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 ด้วย เหตุที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้รับสิทธิชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นในกลุ่มหนี้ส่วนที่ได้รับชำระก่อนนั้นคือเงินใหม่ ซึ่งเจ้าหนี้ทั้งสามรายได้รับโอนสิทธิการรับเงินจากลูกหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ทั้งสามรายสามารถยึดเงินดังกล่าวเพื่อนำไปตัดชำระหนี้ได้ แต่เจ้าหนี้ทั้งสามรายยังคงให้เงินแก่ลูกหนี้ในการดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้ทุกราย จึงถือว่าเจ้าหนี้ทั้งสามรายได้ให้เงินใหม่แก่ลูกหนี้ จึงมีสิทธิได้รับการคืนเงินก่อนในรูปการลดทุน
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือ
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านประการแรกว่า ข้อกำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการหน้าที่ 34 ข้อ ฌ. เรื่อง การค้ำประกันที่ระบุว่า “(1) เมื่อแผนฟื้นฟูกิจการได้รับการอนุมัติขอให้ไม่ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันได้แก่… (2) เมื่อแผนฟื้นฟูกิจการได้รับการอนุมัติ ผู้ค้ำประกันข้างต้นยังคงมีความรับผิดในมูลหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระส่วนที่เกิดจากหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน แต่จะไม่ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันตลอดระยะเวลาบริหารแผน เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้(3)…”ขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/60 วรรคสอง หรือไม่ ซึ่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/60 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “แผนซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้และเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ตามมาตรา 90/27” วรรคสองบัญญัติว่า “คำสั่งของศาลซึ่งเห็นชอบด้วยแผนไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความรับผิดของบุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับลูกหนี้ หรือผู้รับผิดร่วมกับลูกหนี้ หรือผู้ค้ำประกัน หรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ในหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและไม่มีผลให้บุคคลเช่นว่านั้นต้องรับผิดในหนี้ที่ก่อขึ้นตามแผนตั้งแต่วันดังกล่าว เว้นแต่บุคคลเช่นว่านั้นจะยินยอมโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย โดยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว คำสั่งเห็นชอบด้วยแผนนั้นมีผลเฉพาะตัวลูกหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการเท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน แล้วมาผูกพันตามหนี้ที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนบุคคลภายนอกซึ่งต้องร่วมรับผิดกับลูกหนี้ตามมาตรา 90/60 วรรคสอง อันได้แก่ บุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับลูกหนี้ หรือผู้รับผิดร่วมกับลูกหนี้ หรือผู้ค้ำประกันหรือผู้อยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ คำสั่งของศาลที่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการย่อมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความรับผิดชอบบุคคลเหล่านั้นที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนความรับผิดของบุคคลดังกล่าวจะต้องรับผิดอีกเช่นไร ต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งกล่าวโดยเฉพาะในส่วนของผู้ค้ำประกัน เมื่อหนี้ที่ค้ำประกันมิได้ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 ผู้ค้ำประกันก็ยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิดต่อเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ยังมีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ได้เช่นเดิม ซึ่งแผนหน้า 34ข้อ ฌ. เรื่องการค้ำประกัน ข้อ (1) ถึง (3) เมื่อพิจารณาประกอบกับคำชี้แจงและคำแก้อุทธรณ์ของผู้บริหารแผน ซึ่งผู้บริหารแผนยืนยันว่าข้อกำหนดในแผนดังกล่าวเป็นการขอร้องหรือขอความร่วมมือจากเจ้าหนี้มิให้ฟ้องผู้ค้ำประกันในระหว่างระยะเวลาบริหารแผนมิใช่กำหนดห้ามฟ้องหรือจำกัดสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันกรณีจึงเห็นได้ว่า ข้อกำหนดดังกล่าวมีลักษณะเพียงการขอร้องเจ้าหนี้ มิได้มีสภาพบังคับสิทธิของเจ้าหนี้ที่มีอยู่ต่อผู้ค้ำประกันตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งเพียงใด เจ้าหนี้ย่อมใช้สิทธินั้นได้อย่างเต็มที่ มิได้ถูกจำกัดด้วยข้อกำหนดในแผนแต่อย่างใด แผนจึงไม่ขัดต่อมาตรา 90/60 วรรคสอง
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านประการต่อไปว่า ข้อเสนอชำระหนี้ตามแผนกำหนดให้สิทธิของเจ้าหนี้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ตามมาตรา 90/58(2) ประกอบมาตรา 90/42ตรี หรือไม่ ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า แผนจัดให้ผู้คัดค้านอยู่ในเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 แต่ตามแผนผู้คัดค้านไม่ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกับเจ้าหนี้อื่นในกลุ่มเดียวกัน โดยแผนได้ระบุให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 เหมือนกันได้รับชำระหนี้ก่อนบรรดาเจ้าหนี้อื่นในกลุ่มเดียวกัน ตามแผนส่วนที่ 8 ข้อ 6 ง. และ ฉ. นั้น เห็นว่า ในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งได้ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ แผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ส่วนที่ 8 ข้อ 6 ก. และ ข. กำหนดไว้ว่า การปรับโครงสร้างหนี้สำหรับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน
หนี้เจ้าหนี้สถาบันการเงินได้แก่ “เจ้าหนี้กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 4 ขอเสนอปรับโครงสร้างหนี้ดังนี้
ก. การของดดอกเบี้ยค้างชำระทั้งจำนวนประมาณ 340.2 ล้านบาท เพื่อเป็นการลดหนี้ และชดเชยขาดทุนสะสม เพื่อให้บริษัทมีโครงสร้างด้านหนี้และทุนที่เข้มแข็งขึ้น
ข. การแปลงหนี้เป็นทุน ขอแปลงหนี้เงินต้นทั้งจำนวนเป็นทุนสำหรับหนี้ เจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 4 คือประมาณ 1,091.5 ล้านบาทที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะทำให้ส่วนของทุนของบริษัทกลับเป็นบวกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแผนได้รับการอนุมัติ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริษัทในการประมูลงานในอนาคต
เจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 4 ก็จะเป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมดของบริษัท เช่นนี้ หนี้ของเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 ที่ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการทุกราย จะมีการของดดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมด ส่วนต้นเงินจะมีการแปลงหนี้ดังกล่าวเป็นทุน โดยออกหุ้นชำระหนี้ในราคาหุ้นละ 10 บาท เช่นนี้แผนจึงกำหนดให้เจ้าหนี้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/58(2) ประกอบมาตรา 90/42 ตรี แล้ว ส่วนที่แผนกำหนดแบ่งเงินพิเศษสำหรับสินเชื่อใหม่แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) นั้น เนื่องจากสถาบันการเงินทั้งสามดังกล่าวได้นำเงินที่สถาบันการเงินดังกล่าวได้รับจากโครงการที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่ตนแล้วมาให้เป็นสินเชื่อใหม่เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของลูกหนี้ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนี้ที่ผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนได้ก่อให้เกิดขึ้นเนื่องจากการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของลูกหนี้ในอันที่ผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนจะได้นำเงินไปดำเนินกิจการตามแผน ส่งผลให้กิจการลูกหนี้สามารถแสวงหารายได้ นับว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการฟื้นฟูกิจการตามแผน หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใดตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/62 หนี้ส่วนนี้ย่อมมีสถานะแตกต่างจากหนี้จำนวนอื่น ๆ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและมีการกำหนดไว้ในแผน การที่แผนกำหนดให้มีการคืนหนี้ส่วนนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งสามรายก่อน ข้อกำหนดของแผนในส่วนนี้จึงเป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลล้มละลายกลางยังไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยแผน เป็นการไม่ชอบด้วยข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 ข้อ 24ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายพ.ศ. 2542 มาตรา 14 ศาลฎีกาก็เห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง และการอุทธรณ์คำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ถือว่าเป็นการอุทธรณ์คำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ผู้คัดค้านเสียค่าขึ้นศาลชั้นนี้เกินมา 800 บาท
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเก็บเกินมา 800 บาท แก่ผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นให้ความเห็นชอบด้วยแผนในศาลล้มละลายกลางและในชั้นนี้นอกจากที่ศาลฎีกาสั่งคืนให้เป็นพับ”