คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6788/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินยุติการจดทะเบียนแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน หากจดแก้ไขแล้วให้ทำการให้กลับคืนสภาพเดิม มีความหมายอยู่ในตัวแล้วว่า หากมีการแก้ไขชื่อจากบุคคลอื่นในโฉนดเป็นชื่อของจำเลยก็ขอให้ศาลเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดิน เมื่อปรากฏว่าได้มีการแก้ไขชื่อในโฉนดเป็นชื่อของจำเลยแล้ว ศาลจึงพิพากษาให้เพิกถอนชื่อของจำเลยออกจากโฉนดที่ดินได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกเหนือที่ปรากฏในคำฟ้อง แม้ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีก็มีสิทธิที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) ฎีกาขอให้แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นได้ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของนางสาวหมั่นร่วมกับจำเลยตามคำสั่งศาล จำเลยได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2606 และ 4693 ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนางสาวหมั่นโดยการครอบครองปรปักษ์ ซึ่งเป็นความเท็จและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จจนศาลหลงเชื่อมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขแดงที่ 816/2531 ให้เจ้าพนักงานที่ดินสำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี ยุติการจดทะเบียนแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว หากจดแก้ไขแล้วให้ทำการกลับคืนสภาพเดิม
จำเลยให้การว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินตามฟ้องเฉพาะส่วนที่เป็นของนายหรือนางสาวหมั่นผู้ตาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินยุติการจดทะเบียนแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินหากจดแก้ไขแล้วให้ทำการให้กลับคืนสภาพเดิม ไม่ได้ขอให้ศาลเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดจึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกเหนือที่ปรากฏในคำฟ้องนั้น เห็นว่าคำขอของโจทก์ที่ว่า หากจดแก้ไขแล้วให้ทำการให้กลับคืนสภาพเดิมนั้นมีความหมายอยู่ในตัวแล้วว่าหากมีการแก้ไขชื่อจากบุคคลอื่นในโฉนดเป็นชื่อของจำเลยก็ขอให้ศาลเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดข้อเท็จจริงปรากฏว่าได้มีการแก้ไขชื่อในโฉนดเป็นชื่อของจำเลยแล้วศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงให้เพิกถอนชื่อของจำเลยออกจากโฉนดจึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกเหนือที่ปรากฏในคำฟ้อง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาว่าที่โจทก์ขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลจังหวัดอุบลราชธานีไม่ชอบเพราะคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุด โจทก์จะขอดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วไม่ได้นั้น เห็นว่าแม้คำสั่งศาลจังหวัดอุบลราชธานีเป็นการวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีมีสิทธิที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) คำขอของโจทก์ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย และที่จำเลยฎีกาขอให้แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยในคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า แม้เป็นการขอแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยก็ตามแต่คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
พิพากษายืน

Share