คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทฟ้องขอไห้จำเลยชำระหนี้สินซึ่งสามีจำเลยเปนผู้กู้ จำเลยขาดนัดยื่นคำไห้การเนื่องจากจำเลยหยู่ต่างประเทส เมื่อจำเลยได้ซาบว่าถูกฟ้องก็ได้รีบเข้ามายังประเทศไทยเพื่อสู้คดี และได้ยื่นคำไห้การพายไน 6 วันนับแต่มาถึงดังนี้ แม้ครบกำหนดยื่นคำไห้การก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้จงไจขาดนัดยื่นคำไห้การ.

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยหยู่นอกประเทศไทย โจทได้ฟ้องจำเลยขอไห้ชำระหนี้ที่สาลจังหวัดพระตะบองโจทได้ประกาสทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายและสำเนาฟ้องโดยอ้างว่า ไม่ซาบถิ่นที่หยู่ของจำเลยฝ่ายจำเลยเมื่อซาบจากหลานว่าถูกโจทฟ้องก็ได้ขัดการขอหนังสือเดินทางจากจังหวัดพนมเปนประเทศอินโดจีนซึ่งเปนภูมิลำเนาของจำเลย ๑๐ วันจึงได้หนังสือเดินทาง ต่อมาอีก ๕ วันก็เดินทางมาจังหวัดพระตะบองมาหยู่ได้ ๖ วันก็ขอยื่นคำไห้การแก้คดี
สาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำไห้การจึงอนุญาต
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์ฟังว่าจำเลยไม่ได้จงไจขาดนัด จึงมีคำสั่งไห้จำเลยแก้คดีพายไน ๘ วันนับแต่วันคำพิพากสาถึงที่สุด
โจทดีกาว่า จำเลยจูงไจขาดนัดยื่นคำไห้การแล้วจะยื่นคำไห้การแก้คดีไม่ได้ สาลดีกาเห็นว่าตามพรึติการน์จำเลยได้พยายามเดินทางจากต่างประเทสมาสู้ความ แม้เมื่อถึงแล้วยังรอหยู่ ๖ วันจึงยื่นคำไนการก็ไม่นับวันเปนการล่าช้าเกินสมควน เพราะคดีนี้เกี่ยวแก่หนี้สินของสามีจำเลยที่วายชนม์ไปแล้ว จำต้องหาทนายความที่เหมาะสมมาแก้คดี เปนการแน่ชัดว่าจำเลยไม่ได้จงไจขาดนัดยื่นคำไห้การจึงพิพากสายืน

Share