คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้อง+ของโจทก์บรรยายการกระทำผิดของจำเลยเป็นข้อ ๆ เมื่ออ่านรวมกัน พอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ย่อมเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเป็น ๓ ข้อดังนี้
(ก) ระหว่างเดือนพศจิกายน ๒๔๘๓ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานบางไปกระทำการตรวจนับต้นยางไปสวนโจทก์เพื่อเสนอคณะกรมการประเมินให้ประเมินจำนวนยางทำได้ให้แก่โจทก์ รวมถึงการกำหนดโควตายางด้วยจำเลยได้เพทุบายเจตนาจะแกล้งให้โจทก์ต้องรับอาญา โดยจำเลยไม่ตรวจนับต้นยางสวนโจทก์บางส่วน จำเลยตรวจนับเพียง ๒๓๐ ต้น เท่านั้น
(ข) ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๔๘๓ จำเลยยังอาจถือเอาจำนวนต้นยางบางส่วนของโจทก์ที่จำเลยนับเพียง ๒๓๐ ต้น จดลงในหนังสือราชการซึ่งมีความว่า ต้นยางของโจทก์มีทั้งที่กรีดได้และไม่ได้ เพียง ๒๓๐ ต้น ความจริงต้นยางในสวนโจทก์มีถึง ๖๐๐ ต้น
(ค) ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๔๘๓ ถึงเดือนมกราคม ๒๔๘๔ จำเลยได้นำความซึ่งเป็นความเท็จไปร้องกล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานสอบสวนว่าโจทก์นำความซึ่งโจทก์รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาแจ้งแก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานยางว่าต้นยางในสวนโจทก์มี ๖๐๐ ต้น และจำเลยให้ถ้อยคำสนับสนุนอันเป็นเท็จว่าในสวนยางโจทก์มีต้นยางทั้งกรีดได้และไม่ได้เพียง ๒๓๐ ต้น โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องเห็นว่าฟ้องข้อ ก.และ ข.ไม่มีมูล ส่วนข้อ ค.เป็นฟ้องเคลือบคลุมอาจทำให้จำเลยเสียเปรียบ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องข้อ ก.และข.ไม่เป็นฟ้อง จึงให้ยกเสีย ส่วนข้อ ค.เห็นว่าเป็นฟ้องไม่เคลือบคลุม จึงสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนต่อไป
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องข้อ ก.และข้อ ข.ของโจทก์นั้น ถ้าได้อ่านประกอบกับข้อ ค.ก็ได้ความชัดเจนว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวในข้อ ก.และ ข. เป็นเหตุให้โจทก์ต้องรับอาญาฐานแจ้งความเท็จและโจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหาย โจทก์กล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามมาตรา ๑๕๘ ประมวลวิธีพิจารณาความอาญาจึงพิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือมีคำสั่งในข้อเท็จจริงแห่งคดีต่อไป

Share